วันที่ 14 กรกฎาคม 2565 ที่บริเวณวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน ประกอบพิธีอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำไปประดิษฐานเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาถวายเป็นพุทธบูชาต่อองค์พระธาตุพนม สืบสานประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม เนื่องในวันเข้าพรรษา ประจำปี 2565 โดยมีพระเทพวรมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
สำหรับวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นวัดอารามหลวง ชั้นเอก เป็นสถานที่ตั้งองค์พระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ภายในบรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยและลุ่มแม่น้ำโขง มีพุทธศาสนิกชนหลากหลายเชื้อชาติให้ความเคารพศรัทธา กราบไหว้บูชามาตลอดระยะหลายพันปี และอยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ทั้งนี้เทียนพรรษาพระราชทานดังกล่าว วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารจะใช้จุดบูชาพระรัตนตรัยตลอดระยะเวลาที่พระสงฆ์อยู่จำพรรษา 3 เดือน เพื่อศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สำหรับวันเข้าพรรษาเกิดขึ้นจากที่ในอดีตชาวบ้านได้ติติงว่า ในช่วงฤดูฝนพระสงฆ์ไปเหยียบต้นกล้าข้าวและพืชอื่น ๆ เสียหาย พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงบัญญัติพระธรรมวินัยขึ้นมา เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์อยู่จำพรรษาที่วัดเป็นเวลา 3 เดือนจนกว่าจะผ่านพ้นฤดูฝนไป ดังนั้นพุทธศาสนิกชนจึงได้มีการหล่อเทียนขนาดใหญ่ขึ้นมาถวายเป็นพระพุทธบูชา ให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้จุดเพิ่มแสงสว่าง ในการการศึกษาพระธรรมวินัยและปฏิบัติกิจวัตรต่าง ๆ ตลอดระยะที่จำพรรษา โดยเชื่อว่าอาณิสงค์ผลบุญจากการถวายเทียนจะช่วยให้ชีวิตสว่างไสว รุ่งเรือง พบเจอแต่สิ่งดี ๆ หากชีวิตมีปัญหาก็จะพบแสงสว่าง สามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี เป็นเครื่องหมายของการส่องสว่างในชีวิตคู่ ส่วนใครที่ไร้คู่ก็จะช่วยส่องทางให้พบคู่ในเร็ววัน
ข่าวน่าสนใจ:
โดยการถวายเทียนเข้าพรรษาได้มีการจัดเป็นพิธีที่สวยงาม มาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและในสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งการถวายเทียนเข้าพรรษา ถือเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญ เป็นประเพณีราชสำนัก ดังที่ปรากฏในเทียนรุ่งเทียนหลวงตามพระอารามต่าง ๆ แต่ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาไปมากจึงมีการปรับเปลี่ยนมาถวายหลอดไฟฟ้า ถ่านไฟฉาย เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน แต่ก็ยังคงสืบทอดประเพณีการแห่เทียนพรรษาเช่นดังเดิม นอกจากนี้ยังเป็นอีกห้วงเวลาที่พุทธศาสนิกชนถือโอกาสเข้าวัด ทำบุญตักบาตร รับฟังพระธรรมเทศนา รักษาศีล ปฏิบัติธรรมเพื่อกล่อมเกลาจิตใจเป็นการบำเพ็ญกุศล เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตของตนเองและครอบครัว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: