วันที่ 10 สิงหาคม 2565 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้นำคณะสื่อมวลชนจากกรุงเทพมหานครลงพื้นที่บ้านโสกแมว ตำบลอุ่มเหม้า อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เยี่ยมชมความก้าวหน้าและผลสำเร็จโครงการส่งเสริมอาชีพการเกษตรเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินสมาชิกสหกรณ์ในจังหวัดนครพนม เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดรวมถึงแนวทางการดำเนินงานของเกษตรกรตัวอย่างไปขยายผลสู่ประชาชนทั่วไป ภายหลังจากที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครพนมได้มีการบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ส่งเสริมอาชีพและการตลาด โดยใช้ระบบสหกรณ์เพื่อสนับสนุนเกษตรกรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายในโครงการจัดสรรที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) ตามนโยบายรัฐบาล จำนวน 1,524 ไร่ ที่มีเกษตรกรได้รับการจัดสรรที่ดินจำนวน 210 แปลง รวมทั้งสิ้น 198 ราย โดยในปี 2558 เกษตรกรได้ร่วมกลุ่มกันจัดตั้งสหกรณ์การเกษตรโสกแมว จำกัด ขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการผลผลิตและดูแลเกษตรกรในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น การส่งเสริมอาชีพ การอบรมให้ความรู้การเกษตร การจัดหาปัจจัยการผลิตเพื่อลดต้นทุน และการส่งเสริมช่องทางตลาด ซึ่งที่ผ่านมากรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สนับสนุนการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ให้แก่สหกรณ์ เพื่อใช้ในการฝึกอบรมและจัดกิจกรรมประชุมกลุ่มสมาชิก พร้อมจัดสรรเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ดอกเบี้ยต่ำ จำนวน 3.1 ล้านบาท ให้สหกรณ์นำไปปล่อยกู้แก่สมาชิกใช้เป็นทุนในการประกอบอาชีพ จนเกษตรกรมีรายได้นำไปแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน ขณะเดียวกันสหกรณ์การเกษตรโสกแมว จำกัด ก็มีผลการดำเนินงาน โดยมีกำไรสุทธิ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 จำนวน 15,096.02 บาท
จากนั้นได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนแนวความคิด ข้อเสนอแนะต่าง ๆ รวมถึงหลักในการบริหารแปลงเกษตรของเกษตรกรตัวอย่าง จำนวน 2 ราย ที่มีการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการทำการเกษตรจนประสบความสำเร็จ มีรายได้เพิ่มขี้นจากเดิมหลายเท่าตัว โดยแปลงแรกเป็นของนางจันทร์ชนก ระเวงวรรณ ซึ่งหลังจากได้รับองค์ความรู้ด้านการเกษตรและเงินทุนที่หน่วยงานมาส่งเสริม สนับสนุน ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนการทำการเกษตรในพื้นที่ 14 ไร่ ที่ได้รับการจัดสรรมาเป็นการเกษตรแบบผสมผสาน มีการแบ่งพื้นที่ทำนา ขุดบ่อเก็บน้ำ เลี้ยงปลา ปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงกระบือและไก่พื้นเมือง ทำให้ทุกวันนี้มีรายได้จากผลผลิตต่อปีไม่น้อยกว่า 170,000 บาท ส่วนอีกแปลงเป็นของนายวิภพ คำมุงคุณ ได้รับการจัดสรรที่ดินจำนวน 15 ไร่ ซึ่งยึดอาชีพหลักคือทำสวนยางพารา อาชีพเสริมคือเลี้ยงโค กระบือ ไก่พื้นเมืองและทำนาปลูกข้าว ซึ่งเมื่อได้รับคำแนะนำและมีเงินทุน ก็มีการปรับเปลี่ยนการผลิตของตนเอง ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังสามารถลดต้นทุนในส่วนที่ไม่จำเป็นได้อีกเป็นจำนวนมาก แต่ละปีมีรายได้ประมาณ 340,000 บาท
ข่าวน่าสนใจ:
- พรรคประชาชนเปิดตัว นายแพทย์จิรชาติ เรื่องวัชรินทร์ หรือ หมอมุดสัง ชิง นายก อบจ.สุราษฎร์ ฯ สมัครจันทร์นี้
- กาญจนบุรี พิธีตักบาตรพระ 10,000 รูป ฉลองตั้งเมือง 193 ปี พร้อมอุทิศส่วนกุศลแด่บรรพบุรุษผู้มีพระคุณต่อประเทศชาติ
- นครพนมคึกคัก! เปิดศึกเลือกตั้ง อบจ. วันแรก “ศุภพานี-ประสงค์” ชิงชัย พร้อมนโยบายพัฒนาท้องถิ่น
- ระทึก เพลิงไหม้บ้าน 2 ชั้นวอดทั้งหลัง น้องแมว 7 ชีวิต รอดตายหวุดหวิด โดย 3 ตัวโดนไฟลวกบาดเจ็บ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: