นครพนม – วันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 นายอเนก รัตน์รองใต้ เกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา และโครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลายฤดูนาปรังปี 2562 ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาและลดความเสี่ยงในเรื่องของปริมาณน้ำที่อาจมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรในรอบฤดูกาลผลิตนี้ ทางจังหวัดนครพนม โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม ก็ได้มอบหมายให้สำนักงานเกษตรอำเภอทั้ง 12 อำเภอ ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์และถ่ายทอดความรู้ รวมถึงสร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องเกษตรกรในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และพืชน้ำน้อยหลากหลายชนิดที่เหมาะสมกับพื้นที่ ทดแทนการปลูกข้าวนาปรัง เพื่อลดความเสี่ยงและทำให้ทุกคนยังมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวเช่นดังเดิม และตลอดการเพาะปลูกให้เจ้าหน้าที่นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรคอยเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำ คำปรึกษา
นายวัชพล วงศ์กระโซ่ เกษตรกรชาวบ้านพิมานท่า ตำบลพิมาน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้ความรู้และทำความเข้าใจ ทำให้ตนเองเลือกที่จะปลูกแคนตาลูปบนเนื้อที่มีอยู่ประมาณ 3 ไร่ แทนการทำนาปรัง เพราะก่อนหน้านี้เห็นว่าญาติทำแล้วประสบความสำเร็จ รวมถึงปลูกง่าย ใช้น้ำน้อย การดูแลรักษาก็ไม่ยุ่งยากอะไร ซึ่งแต่ละรอบการผลิตจะได้แคนตาลูปประมาณ 2-3 ตัน/ไร่ ขณะที่ราคาจำหน่ายก็อยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 18 -20 บาท ที่สำคัญคือผลผลิตมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแถมมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงที่ ดังนั้นจึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ครอบครัวมีรายได้แทนการทำนาปรัง
ข่าวน่าสนใจ:
- ปิดตำนานนักเขียน "ตรี อภิรุม" ศิลปินแห่งชาติฯ เจ้าของผลงาน "นาคี"
- กทม. ร่วม"ฟูกูโอกะ" เปิดงาน "Fukuoka Fair" ฉลอง 18 ปีเมืองพี่เมืองน้อง
- UNDP และ ม.อ๊อกซ์ฟอร์ด เผยวิจัยใหม่ แนะแนวทางยุติความยากจนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
- ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีฯ จัดกิจกรรม"วันกิมจิ"เผยแพร่การทำกิมจิ ผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 700 คน
จึงได้เริ่มลงมือเพาะปลูกตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เริ่มตั้งแต่การเตรียมดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ ที่มีการปรับปรุงบำรุงดินด้วยการใส่ปุ๋ยหมักและน้ำหมักหอยเชอรี่ จากนั้นทำการพรวนดินและยกร่อง ก่อนที่จะนำต้นกล้าแคนตาลูปที่เพาะในถาดหลุมมาลงแปลงปลูก รดน้ำ และฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพเพื่อเร่งการเจริญเติบโตตามระยะเวลา โดยในแต่ละวันตนเองและครอบครัวจะออกมาตรวจเช็กดูการเจริญเติบโต รวมถึงเฝ้าระวังไม่ให้ผลผลิตมีโรคและแมลงเข้ามาทำลาย คาดว่าเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวตนเองและครอบครัวจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทอย่างแน่นอน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: