นครพนม – ชาวบ้านยังคงทยอยเข้าแจ้งความเพื่อป้องกันตัวเองจากแก๊งมิจฉาชีพ หลังถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า ขณะที่บางรายต้องเดินทางไปขอปิดบัญชีหลายรอบแต่ยังไม่สำเร็จ
ชาวบ้านยังคงทยอยเดินทางมาตรวจเช็คบัญชีธนาคารหลังถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีม้า โดยมีชาวบ้านทยอยเดินทางมาที่สภ.พระซองอย่างหนาตา
พ.ต.ท. ธีระวัฒน์ โรจนศักดิ์ภักดิ์ หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรพระซอง ต.พระซองอ.เรณู จ.นครพนม เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้มีชาวบ้านในเขตรับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธรพระซอง เดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วประมาณสองร้อยกว่าคน และยังคงทยอยเดินทางมาแจ้งความอยู่เรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน โดยก่อนหน้านี้ ผู้นำหมู่บ้านได้แจ้งแก่ลูกบ้านว่าหากใครสงสัยว่าตัวเองจะถูกหลอกให้เปิดบัญชีธนาคาร ก็ขอให้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ใกล้บ้านก่อน หลังจากนั้นก็ให้นำบันทึกประจำวันไปขอตรวจสอบกับธนาคารว่าบัญชีที่กลุ่มมิจฉาชีพเปิดไว้ในชื่อตนเองนั้นมีหมายเลขอะไร หลังจากนั้นจึงนำหมายเลขบัญชีนั้นมาแจ้งลงบันทึกประจำวันอีกรอบหนึ่ง ทำให้ชาวบ้านบางรายต้องเดินทางไปกลับระหว่างธนาคารกับสถานีตำรวจถึงสองรอบกว่าจะสามารถแจ้งปิดบัญชีได้ ซึ่งตนได้สอบถามชาวบ้านแล้วได้รับแจ้งว่าเป็นหลักเกณฑ์ที่ทางธนาคารได้แจ้งไว้ ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทำให้ชาวบ้านต้องเสียเวลาถึงสองต่อในการเดินทางมาแจ้งความที่โรงพักกับไปธนาคาร บางรายเสียค่าจ้างรถไปมากกว่าเงินที่ได้จากกลุ่มมิจฉาชีพเสียอีก
สอดคล้องกับนางอารีย์รัตน์ ขอสงวนนามสกุล อายุ 48 ปี เล่าเหตุการณ์วันที่ถูกแก๊งมิจฉาชีพมาหลอกว่าราว ๆเดือนพฤษภาคม ปี2565 มีชาวบ้านในหมู่บ้านชักชวนและพูดต่อ ๆ กันว่ามีคนนำเงินมาแจก ให้คนละ 400 บาท โดยอ้างว่าเป็นเงินจากกรมชลประทานเหลือจ่ายจึงนำมาแจกให้ชาวบ้านฟรี ๆ โดยผู้รับต้องนำบัตรประชาชนไปขอรับเงินพร้อมสแกนใบหน้าไว้เพื่อเป็นหลักฐานการรับเงินโดยใช้โทรศัพท์มือถือสแกนเมื่อดำเนินการเสร็จก็รับเงินคนละ 400 บาทแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ไม่คาดคิดว่ากลุ่มคนเหล่านั้นจะนำเอาข้อมูลของพวกตนไปเปิดบัญชีม้า เพิ่งมาทราบเมื่อธนาคารมีหนังสือแจ้งมาที่บ้านว่าบัญชีของตนไม่เคลื่อนไหวมานานธนาคารจะทำการปิดบัญชีจึงพากันไปตรวจสอบดังกล่าว ซึ่งในช่วงเช้าตนได้ไปแจ้งความไว้ที่โรงพักพระซองแล้วพร้อมนำเอาบันทึกประจำวันไปให้ธนาคารเพื่อขอตรวจสอบเลขบัญชีที่คนร้ายขอเปิดไว้หลังจากนั้นก็นำมาให้ตำรวจที่โรงพักลงบันทึกประจำวันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีดังกล่าวแต่อย่างใดโดยตนเสียเวลาถึงสองวันกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่ธนาคารกสิกรไทยสาขานครพนม เพื่อสอบถามถึงขั้นตอนในการขอยกเลิกหรืออายัดบัญชี ซึ่ง เจ้าหน้าที่ที่ให้บริการรายหนึ่งเปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ทางธนาคารได้วางหลักเกณฑ์ไว้ว่าผู้เสียหายจะต้องไปแจ้งความที่ท้องที่ที่เกิดเหตุก่อนทำให้เกิดความล่าช้า แต่ปัจจุบัน ณ ตอนนี้ ผู้เสียหายสามารถนำหลักฐานบัตรประชาชนมาขอตรวจสอบบัญชีพร้อมขออายัดและยกเลิกบัญชีได้เลยโดยไม่ต้องใช้บันทึกประจำวันของตำรวจอีกต่อไป โดยผู้เสียหายเพียงมาที่ธนาคารพร้อมหลักฐานบัตรประชาชนแล้วกรอกแบบฟอร์มคำขอยายัดหรือปิดบัญชีได้ทันทีส่วนเรื่องการแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อป้องกันตัวเองค่อยทำทีหลังก็ได้ นอกจากนั้นทางธนาคารยังเปิดช่องทางให้ผู้เสียหายสามารถโทรศัพท์ขอยายัดบัญชีได้ด้วยตนเองที่หมายเลข 028888888 ต่อ 001โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง
