วันที่ 10 พ.ค.66 จ.อ.ศิริวัฒน์ ขันตี หน.งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ)เทศบาล ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม ได้รับแจ้งจากชาวบ้านพื้นที่ บ.ดงโชค หมู่ 1 ว่า มีกระบือถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต จึงแจ้งให้นายอุทัย โคตรสา นายกเทศมนตรี ต.หนองญาติ นางณัฐชยา อุทาสี รองนายกฯ และนายณรงค์ แสงเมือง ประธานสภาฯ ออกตรวจสอบและให้การช่วยเหลือ
น.ส.ทิราพร เทียงนวล อายุ 34 ปี เจ้าของกระบือเล่าว่า ช่วงเช้าได้ให้แฟนหนุ่มขับรถ จยย.ไล่ต้อนกระบือ 3 ตัวไปเล่นน้ำที่บริเวณป่าบุ่งป่าทาม ใกล้กับห้วยบังกอ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด กระทั่งช่วง 5 โมงเย็น ไล่ต้อนฝูงกระบือกลับเพื่อเข้าคอกตามปกติ
ช่วง 6 โมงเย็นท้องฟ้าได้มืดครึ้มมีพายุฝนฟ้าคะนอง และได้เกิดลมกระโชกอย่างรุนแรง ขณะที่แฟนหนุ่มของตนกำลังนำรถ จยย.ไปเก็บ ส่วนฝูงกระบือเดินตามหลังมา 800-900 เมตร ระหว่างทางฟ้าได้ผ่าเปรี้ยงลงมา 1 ครั้ง ตนและสามีเอะใจจึงพากันวิ่งได้ดู พบว่ากระบือ 1 ตัวนอนเสียชีวิตกลางถนนลูกรัง ส่วนอีก 2 ตัวตายใต้ต้นยูคาลิปตัส
จึงตรวจสอบบริเวณข้างเคียงพบว่ามีรั้วเสาปูนของชาวบ้านมีร่องรอยถูกผ่าฟ้า บังเอิญกระบือ 3 ตัวอยู่ใกล้จุดที่ฟ้าลงจึงถูกลูกหลงพ่วงไปด้วย สำหรับควาย 3 ตัวเป็นตัวเมียทั้งหมด ในจำนวนนี้ 2 ตัวเป็นแม่พันธุ์ตั้งท้องแก่ 1 ตัว และท้องอ่อนอีก 1 ตัว รวมถูกฟ้าผ่าในท้อง 5 ตัว
ซึ่ง 2 ตัวใหญ่มูลค่าราคาประมาณ 30,000 บาท ส่วนตัวเล็กมูลค่าราว 20,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหาย โดยรวมประมาณ 100,000 บาท หลังเกิดเหตุทางนายอุทัย ได้สนับสนุนรถบรรทุกหกล้อติดเครน มาช่วยเหลือยกซากกระบือตัวใหญ่ 2 ตัว เพื่อนำไปชำแหล่ะเอาเนื้อเพื่อจะแบ่งปัน หรือ ภาษาอีสานเรียกว่า ตกพูด ในราคาพูดละ 500 บาท นำเงินไปช่วยเจ้าของควาย ส่วนตัวเล็กชำแหล่ะที่บ้าน เพื่อตกพูดให้ชาวบ้านกองละ 500 บาท เพื่อนำเนื้อไปตากแห้งไว้ปิ้งย่างประกอบอาหารต่อไป
โดย จ.อ.ศิริวัฒน์ ได้แจ้งให้เจ้าของกระบือ ให้เตรียมเอกสารหลักฐาน เพื่อยื่นคำร้องกับศูนย์ช่วยเหลือประชาชนเทศบาล ต.หนองญาติ เพื่อขอรับความช่วยเหลือตามระเบียบต่อไป.
