นครพนม – ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ฉุนจัดหลังพบว่ายังมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ทยอยกลับมาขายของยังบริเวณลานตัวทีหน้าวัดพระธาตุพนมที่ได้ตกลงให้เป็นโซนนิ่งห้ามค้าขายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีกครั้ง
19 พฤษภาคม 2566 เวลา 11.00น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบริเวณลานหน้าวัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร เพื่อสำรวจว่าตามที่เพจของทนายอนันต์ชัยแจ้งว่า มีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าฝ่าฝืนกฎจัดโซนขายของบริเวณหน้าวัด จึงได้ประกาศลงเฟสบุ๊คส่วนตัวพร้อมทั้งระบุคาดโทษ ถ้าวันเสาร์นี้ (20 พ.ค.66)ไม่เรียบร้อยจะปิดวัดแน่นอน 1เดือน
จากการสังเกตุโดยรอบพบว่าได้มีบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเข้ามากางร่มกางเต๊นท์กันเป็นจำนวนมากพอสมควรตามที่โพสอยู่จริง แต่ส่วนใหญ่จะกางร่มตั้งเต๊นท์กันบริเวณฝั่งตรงข้ามกับแนวกำแพงวัด
นายวีระศักดิ์ ชลรินทร์ พ่อค้าขายน้ำดื่มน้ำอัดลม วัย 54ปี กล่าวว่า เดิมตนขายของอยู่บริเวณวัดที่วัดเคยจัดไว้ให้มาสิบปี และเมื่อทางวัดมีมติให้พ่อค้าแม่ค้าออกขายของนอกวัดก็ได้ปฎิบัติ กระทั่งออกมาขายข้างนอกก็ไม่มีพื้นที่ให้ขายที่ชัดเจน แต่ภายหลังก็ทราบว่าจะสร้างโดมให้พ่อค้าแม่ค้าก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไร ส่วนพื้นที่ๆให้ไปขายก็ไม่รู้จะขายใคร มันไม่ใช่เส้นทางเดินผ่านหรือจอดรถของนักท่องเที่ยว เมื่อเป็นปัญหาปากท้องของครอบครัวเช่นนั้น ตนจึงขออริยะขัดขืนมาค้าขายยังตรงนี้ไปก่อน จนกว่าได้รับความชัดเจนกว่านี้
นายสมนึก ปล้องแก้ว อายุ 61ปี นักท่องเที่ยวจากจังหวัดภูเก็ต เดินทางกันมานมัสการพระธาตุพนมด้วย 80คน ได้กล่าวเสนอความคิดเห็นหลังได้ยินการสนทนา ได้ให้ความเห็นว่า “หากกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตั้งจุดขายของไกลกว่านี้ ตนก็คงไม่เดินไปซื้อแน่นอน เพราะมันไกลจากตรงนี้และเท่าที่ดูก็ไม่ได้เกะกะอะไร แต่ดีซะอีกที่จะได้ดูคึกคัก”
ทีมข่าวยังได้สังเกตุเพิ่มเติม เดิมบริเวณประตูใหญ่ก่อนเข้าไปกราบนมัสการองค์พระธาตุพนม จะพบเห็นช่างภาพมาออเพื่อถ่ายภาพให้นักท่องเที่ยว จนได้สร้างความรำคาญที่ผ่านมาเป็นจำนวนมาก แต่วันนี้ไม่พบเห็นช่างถ่ายภาพเหล่านี้ แต่กลับว่ามีเด็กๆอายุไม่น่าถึง 15ปี พากันถือกรงนกวิ่งเข้าออกในบริเวณหน้าประตูดังกล่าวนี้แทน พยายามหว่านล้อมให้นักท่องเที่ยวช่วยซื้อนกเพื่อปล่อยแทนเป็นจำนวนหลายคน
แต่อย่างไรก็ตามทราบว่าทางทางคณะกรรมการของวัดพระธาตุพนม โดยมี นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ที่ปรึกษากรรมการ จะร่วมกันประชุมปรึกษาถึงเรื่องดังกล่าวเป็นการเร่งด่วน.
ล่าสุดในวันเดียวกันโครงการวัดพระธาตุพนมสู่มรดกโลกอาจต้องสะดุดอีก หลังจากที่ ดร.ชวภณ จึงพัฒนา แสดงตนฐานะประชาชน ได้เข้ายื่นหนังสือขอให้เปิดถนนหน้าวัดพระธาตุพนม ต่อนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยอ้างถึงและสิ่งที่ส่งมาด้วย หนังสือของแขวงการทางจังหวัดนครพนม ข้อความว่า ตามที่แขวงการทางจังหวัดนครพนม ได้ส่งมอบถนนชยางกูร ช่วงบริเวณหน้าวัดพระธาตุพนม โดยเริ่มต้นตั้งแต่สี่แยกไฟแดงห้างโลตัส ด้านทิศเหนือ ตลอดแนวเส้นทาง จนถึงสามแยกไฟแดงบายพาสด้านทิศใต้ โดยอ้างถึง หนังสือของแขวงการทางที่อ้างถึง ได้มอบให้เทศบาลตำบลธาตุพนม เป็นผู้กำกับดูแลบำรุงรักษา เพื่อให้ใช้เป็นประ โยชน์ สาธารณะของประชาชน หากแต่ทางวัดพระธาตุพนม หรือเทศบาลตำบลธาตุพนม ในช่วงที่ นายขจรศักดิ์ นิตชิน ดำรงตำเหน่ง นายกเทศมนตรีตำบลธาตุพนม ลงนามรับข้อเสนอ ต่อมาได้ปล่อยปะละเลย ให้ วัดพระธาตุพนมเข้าถือครองถนนหน้าวัดพระธาตุพนม ประหนึ่งว่าถนนสายนี้เป็นทรัพย์สินของวัดพระธาตุพนมโดยปริยาย ทำให้ทางวัดพระธาตุพนม ได้เข้าใจและเชื่อว่าถนนสายดังกล่าว เป็นที่ธรณีสงฆ์ ตามความปรากฏ แขวงการทางมอบให้เทศบาลตำบลธาตุพนม เพื่อดูแลบำรุงรักษาเท่านั้น มิได้ ให้เทศบาลตำบลธาตุพนม หรือวัดพระธาตุพนมนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนและองค์กร แต่อย่างใด
พร้อมทั้งกำชับให้เร่งเปิดถนนถนนชยางกูร ช่วงหน้าวัดพระธาตุพนมเพื่อให้ประชาชนได้ใช้โดยเร็ว รวมถึงจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และดำเนินคดีมาตรา 157 โทษละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้ที่โดยมิชอบทั้งเทศบาลตำบลธาตุพนมและวัดพระธาตุพนม
