X

ชาวท่าอุเทนผวาหลังพบลูกจระเข้โผล่ หน้าที่ว่าการอำเภอท่าอุเทน 2 ตัวซ้อน

จากกรณีที่เพจไชยบุรีบ้านเฮา โพสข้อความ พบจระเข้โผล่เดินป้วนเปี้ยน บริเวณเชิงสะพานลอยทางข้ามบริเวณโรงเรียนอุเทนพัฒนา หน้าที่ว่าการอำเภอท่าอุเทน โดยชาวบ้านผ่านไปมาพบเห็นโดยบังเอิญ  ทันทีที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ทำให้ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างพากันหวาดระแวง เกรงว่าอาจจะมีพ่อและแม่จระเข้หลบซ่อนในบริเวณใกล้เคียง

13 ส.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นหลังทราบข่าวการพบลูกจระเข้ ขนาดความยาวประมาณ 1  เมตร จึงลงพื้นที่ตรวจสอบทันที พบว่าจุดที่พบลูกจระเข้ใกล้ทางเข้าออกโรงเรียนอุเทนพัฒนาและใกล้สะพานลอยข้ามถนน มีร่องระบายน้ำบริเวณไหล่ทางตลอดแนวเพื่อระบายน้ำลงสู่ห้วยทวยที่ไหลผ่านบริเวณดังกล่าว

จากการสอบถาม คุณครูณัฐชยา อนุ ครูโรงเรียนอุเทนพัฒนา ซี่งพักอาศัยอยู่บ้านพักครู ได้เปิดเผยว่าจุดที่พบจระเข้อยู่บริเวณที่จอดรถของโรงเรียน โดยจระเข้ ตัวที่พบล่าสุดตามที่สื่อโซเชียลลงข่าวนั้นถือว่าเป็นตัวที่สอง โดยตัวแรกถูกพบครั้งแรกเมื่อช่วงวันที่ 3 ส.ค 2566 ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ก่อนจะพบอีกตัวตามที่เป็นข่าว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ของประมงที่มาร่วมจับตัวจระเข้ทั้งสองตัวไปยัง ประมงจังหวัดนครพนมเพื่อสืบหาที่มาและให้ข้อสังเกตุว่า จระเข้ทั้งสองตัวมีขนาดความยาวไล่เลี่ยกัน จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นลูกจระเข้จากคลอกเดียวกัน

ส่วนที่เจอจระเข้บริเวณนี้ เพราะอยู่ไม่ห่างจากลำห้วยทวยที่ไหลผ่านหลังโรงเรียนทำให้อดหวั่นใจไม่ได้ว่าจะเป็นจระเข้ที่หลุดจากฟาร์มเลี้ยงหรือเป็นลูกจระเข้จากพ่อแม่พันธุ์ที่หลบซ่อนอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติใกล้ๆ นี้หรือไม่ ซึ่งหากเป็นกรณีหลังถือว่าเป็นอันตรายกับชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะจระเข้จะฟักไข่ครั้งหลายสิบฟอง

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้สืบเสาะหาฟาร์มจระเข้ใกล้เคียงเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าได้หลุดรอดออกมาหรือไม่อย่างไร กระทั่งได้ข้อมูลว่ามีการเลี้ยงจระเข้ในเขตพื้นที่ ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อเดินทางไปถึงพื้นที่พบเป็นเพียงบ่อเลี้ยงจระเข้ร้างของนายพีรพงษ์ จันทรเคน หรือบอย บ้านเลขที่ 51 ม.10 ฟาร์มจระเข้ ใกล้วัดโพธิ์ศรี  (วัดหลวงปู่สอ) บ้าน บะหว้า ต.รามราช อ.ท่าอุเทน  จ.นครพนม โดย นายบอย เล่าเปิดเผยว่า ตนเคยลงทุนเลี้ยงจระเข้ครั้งแรกเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดยยื่นหนังสือขอต่อทางการจำนวน 60 ตัว และได้รับการตรวจสอบอย่างถูกต้อง นอกจากนี้สภาพของบ่อที่เลี้ยงจระเข้เป็นระบบปิดจึงไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้อย่างแน่นอน  นายบอยได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนแรกตนซื้อลูกจระเข้ที่เพิ่งฟักตั้งใจเลี้ยงไว้ขายเมื่อโตได้ขนาด เพราะดูจากโฆษณาในโซเชียลว่าขายได้กำไรดี แต่เมื่อจระเข้ที่เลี้ยงมาตลอด3ปี มีขนาดและความยาวตามที่ตลาดต้องการกลับถูกผู้รับซื้อกดราคาลงมาชนิดที่ต่ำกว่าราคาที่ซื้อลูกพันธุ์มาเลี้ยง และจากสถานการณ์โควิด-19  จึงยอมขายหมดฟาร์มแบบขาดทุนเมื่อ 2 – 3 เดือน ที่ผ่านมา

จากข่าวที่พบลูกจระเข้ในพื้นที่หน้าที่ว่าการอำเภอท่าอุเทน จึงขอยืนยันว่าไม่ใช่จระเข้จากฟาร์มของตนอย่างแน่นอน อีกทั้งขนาดความยาวที่พบคาดว่ามีอายุเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น คาดว่าอาจเป็นลูกจระเข้ที่หลุดลอดจากผู้เลี้ยงที่ซื้อมาเพื่อความเพลิดเพลิน โดยขาดการดูแลอย่างรัดกุมหรือเลิกล้มความตั้งใจสุดท้ายก็ปล่อยทิ้งตามแม่น้ำลำคลองหรือตามแหล่งน้ำธรรมชาติ

สำหรับการเลี้ยงหรือครอบครองจระเข้ ถือว่าเป็นสัตว์ที่ต้องขออนุญาตตามกฎหมาย แต่การซื้อขายผ่านทางอินเตอร์เน็ตพบว่ามีกันอย่างโจ๋งครึ่ม โดยเฉพาะผู้ที่คิดจะเลี้ยงจระเข้เพื่อการค้าขอให้ทบทวนใหม่ดีๆไม่อยากให้ใครเลี้ยงขาดทุนเช่นเดียวกับตน นายบอยกล่าวในท้ายสุด.

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน