ที่จังหวัดนครพนมที่ในช่วงนี้มีการจัดงานประเพณีไหลเรือไฟ ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 20 – 30 ตุลาคม 2566 บรรยากาศช่วงวันหยุดยาวติดต่อกัน 3 วัน ยังคงเป็นไปด้วยความคึกคักของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักค้างคืนและเช้าไปเย็นกลับ ด้วยหลายคนพอทราบข่าวว่างานในปีนี้มีความแตกต่างไปจากปีก่อนๆ มา มีการไหลเรือไฟโชว์ให้ได้ชมทุกวัน อีกทั้งยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ได้ร่วมสนุก จึงเลือกที่จะเดินทางมาก่อนวันออกพรรษา ซึ่งเป็นวันไหลใหญ่เพราะคาดว่าจะมีคนมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงอาศัยโอกาสนี้มาชมก่อน
โดยหนึ่งในผู้ที่มาร่วมงานล่วงหน้าในช่วงวันหยุดติดต่อกัน 3 วัน เปิดเผยว่า ปกติจะพาครอบครัวมาตรงกับวันออกพรรษาเป็นประจำทุกปี เพื่อมากราบไหว้ขอพรจากองค์พระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นจะพากันมาจับจองที่นั่งเพื่อดูเรือไฟในช่วงเย็น ซึ่งก็ต้องมาหาที่นั่งตั้งแต่ช่วงบ่าย ๆ เพราะถ้ารอจนถึงเวลาจะหาที่ดูลำบากคนจะแน่นมาก แต่พอปีนี้ทราบข่าวว่าทางจังหวัดมีการจัดไหลโชว์ให้ได้ชมวันละ 1 – 2 ลำทุกวัน ยกเว้นวันที่ 29 ตุลาคม 2566 ที่เป็นวันออกพรรษาที่จะไหลมากสุด 12 ลำ จึงเลือกพาครอบครัวมาก่อน ซึ่งก็ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังเพราะเรือที่นำมาโชว์แม้ขนาดจะได้ใหญ่เท่ากับวันออกพรรษาที่ทราบว่าปีนี้ยาวถึง 79 เมตร แต่ก็ได้เห็นขนาด 20 กว่าเมตรที่ไหลโชว์พร้อมกระทงสาย ส่วนลวดลายก็ยังคงสวยงามเช่นเดิม ที่สำคัญปีนี้ยังมีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมเรือไฟโบราณ ที่เป็นการสะเดาะเคราะห์ที่มาหลายครั้งแต่ไม่เคยได้มาทำสักที ปีนี้พอมาก่อนจึงได้มีโอกาสมาทำก็ถือว่าไม่ผิดหวัง เพราะหลังจากที่ไหว้ขอพรจากพญาศรีสัตตนาคราชแล้ว เดินมาฝั่งเวทีการแสดงนิดเดียวก็ถึงกิจกรรมเรือไฟโบราณที่ให้เราได้เขียนชื่อ วันเดือนปีเกิด ตัดเล็บ ตัดผม ใส่กระทงกาบกล้วยที่มีจำหน่ายให้พร้อมกับธูปเทียนดอกไม้ในราคา 30 บาท ก่อนที่จะนำไปวางไว้ที่เรือไฟโบราณตามปีนักษัตรที่เราเกิด ซึ่งพอถึงวันออกพรรษา หลังทำพิธีเสร็จเจ้าหน้าที่เอานำไปลอยกลางแม่น้ำโขงให้ จากนั้นก็มานั่งชมการแสดงที่หน้าเวทีได้สบายๆ เพื่อรอเวลาเรือไฟไหลโชว์ ซึ่งเมื่อถึงเวลา 19.00 น.ก็ได้ชมแล้ว ที่สำคัญยังมีความเซอร์ไพรส์ให้ได้รับชมบนฟ้ากับการแสดงบินโดรนแปรอักษรให้ได้ชมด้วย ที่เป็นการเล่าเรื่องราวตามภาพที่แปรเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทั้งภาพพระพุทธเจ้าที่เสด็จมาแสดงธรรมเทศนา ภาพพญานาคเลื่อนไหว ภาพการลอยประทีปบูชาที่เคลื่อนไหวได้ ก่อนจะหลายมาเป็นภาพเรือไฟ และภาพอื่น ๆ อีก ถือเป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่ถือว่าคุ้มสุด ๆ กับการมาครั้งนี้ เพราะได้เห็นเรือไฟในน้ำ บนฟ้า แลยิ่งพอทราบว่าที่วัดสว่างสุวรรณารามมีการทำเรือไฟบก ก็ว่าจะพาครอบครัวไปชมสักครั้งว่าจะมีความแตกต่างจากเรือไฟขนาดใหญ่และเรือไฟโบราณอย่างไร จะได้ชมครบทั้ง 3 แบบเลยในครั้งนี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
ข่าวน่าสนใจ:
- ชัยภูมิฮือฮาจัดแข่งกีฬาสีโรงเรียนนำช้างโชว์ความแสนรู้เตะฟุตบอล!
- "มิชลินไกด์" เผย 20 ร้านใหม่ และ156 ร้านที่ได้รับรางวัล"บิบ กูร์มองด์" 2568
- ร้อยเอ็ด...กบห.โหวดพิฆาตเข้าพบรักษาการพ่อเมืองร้อยเอ็ด ร่วมต้อนรับรัฐมนตรีประจำสำนักฯ เปิดงานเดิน-วิ่งการกุศล ณ อ่างธวัชชัย 30 พ.ย. 67
- ตรัง คู่ซี้ พระ-ฆราวาส เมาแอ๋ด่าทอชาวบ้านใกล้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาละวาดอ้างมีปืน ทำชาวบ้านแตกตื่น ตร.หิ้วปีกบังคับสึก กร่างไม่เลิกบอกรู้จักพระผู้ใหญ่
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: