น้องชายวอนหน่วยงานรัฐเร่งติดตาม หาร่างพี่ชาย หลังถูกกลุ่มฮามาส จับตัวไปกับเพื่อนร่วมแคมป์อีก 2 คน หวั่นหากเหตุการณ์บานปลายอิสราเอลอาจปิดน่านฟ้า
เมื่อวันที่ 29 ต.ค 2566 ผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่ บ้านเลขที่ 10 หมู่ที่23 บ้านหนองเดิ่นพัฒนา ตำบลบ้านผึ้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม เพื่อติดตามกรณี นายเศรษฐา โฮมสร แรงงานไทยในอิสราเอลซึ่งขาดการติดต่อกับครอบครัว หลังจากกลุ่มฮามาสบุกเข้าไปภายในแคมป์และจับตัวไปพร้อมกับเพื่อนร่วมห้องอีก 2 คน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ต.ค 2566 จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม
โดยมีนายอนุวัฒน์ โฮมสร อายุ 32 ปี น้องชายของนายเศรษฐา โฮมสร ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล และได้เดินทางกลับมาเมืองไทยแล้ว เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยหากอยู่ต่อ และเพื่อติดตามประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อติดตามการหายตัวไปของพี่ชายโดยนายอนุวัฒน์ เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางไปทำงานยังทางตอนเหนือของอิสราเอล ขณะที่พี่ชายคือนายเศรษฐา ได้ทำงานและพักที่แคมป์คะปาอาซา ที่อยู่ทางตอนใต้ของอิสราเอลติดกับฉนวนกาซา โดยในเบื้องต้นหลังเหตุการณ์คลี่คลายโจมตีสงบลง นายจ้างของพี่ชายแจ้งต่อทางการของอิสราเอลว่า มีแรงงานชาวไทยได้เสียชีวิต 2 ราย ชื่อนายนิติกร แซ่หว่าง กับนายเศรษฐา โฮมสร ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้พบร่างของนายนิติกร แซ่หว่าง แล้ว และได้ส่งร่างกลับมาเพื่อให้ญาติประกอบพิธีทางศาสนาที่ภูมิลำเนาจังหวัดเชียงรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนร่างของนายเศรษฐา ยังไม่ได้รับการยืนยันหรือพิสูจน์อัตลักษณ์แต่อย่างใด และตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน แม้ว่าทางนายจ้างของนายเศรษฐาได้แจ้งยืนยันการเสียชีวิตของนายเศรษฐา ต่อทางการแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีรายชื่อปรากฏ ในบัญชีผู้เสียชีวิตในสถานฑูตไทยแต่อย่างใด
โดย นายอนุวัฒน์ได้เล่าต่อไปว่า เหตุที่ตนค่อนข้างเชื่อว่าพี่ชายอาจเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากได้สอบถามแรงงานไทยที่พักอยู่แคมป์เดียวกับพี่ชายและหลบหนีออกได้ เล่าว่า เห็นร่างของคนไทยซึ่งมีลักษณะผอมตัวเล็กตรงกับพี่ชายของตนถูกฆ่าปาดคอเสียชีวิตอยู่ภายในแคมป์ ซึ่งแรงงานไทยที่พักยังแคมป์ดังกล่าวส่วนใหญ่จะมีรูปร่างอ้วนท้วม ส่วนคนที่มีลักษณะผอมและตัวเล็กคล้ายกับพี่ชายก็พบว่าสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่ตนกลับมาก็ได้พยายามติดตามและติดต่อหาข่าวคราวของพี่ชายโดยผ่านนายจ้างชาวอิสราเอลซึ่งสามารถพูดไทยได้และเพื่อนของพี่ชาย ต่างก็แสดงถึงความหนักใจเพราะขณะนี้ทางอิสราเอลมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์อัตลักษณ์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากการสังเกตุด้วยสายตาก็มีคนไทยที่เสียชีวิต อยู่ในจำนวนนั้นอีกเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยติดตามหานายเศรษฐา โฮมสร ให้ได้โดยเร็ว กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม เพราะหากสถานการณ์มีความรุนแรงและบานปลายกว่านี้ หรือเกรงว่าอิสราเอลทำการปิดน่านฟ้าขึ้นมาก็จะยิ่งทำให้การติดตามหาตัวพี่ชายตนยากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะพบร่างที่เสียชีวิตเเล้ว ก็จะมีอุปสรรคในการนำร่างกลับมาอีกอย่างแน่นอน
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อพูดคุยกับนายสุริยัน สุราช เพื่อนร่วมห้องของนายเศรษฐา ที่สามารถวิ่งหลบหนีกลุ่มฮามาสออกมาได้อย่างหวุดหวิดในวันเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้ได้เดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดเชียงรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนายสุริยัน ยืนยันว่าในวันเกิดเหตุ นายเศรษฐา ได้ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไปรวมกับกลุ่มคนงานที่อยู่ร่วมห้องอีกรวม 3 คน ซึ่งทั้งหมดยังไม่ทราบชะตากรรม ส่วนเพื่อนร่วมแคมป์อีกคนคือนายนิติกร แซ่หว่าง ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่เสียชีวิตจากในเหตุการณ์ครั้งนั้นได้รับการนำศพกลับเมืองไทยแล้ว ซึ่งตนได้รับการยืนยันจากทหารที่เข้าไปเคลียร์ยังพื้นที่ ได้แจ้งต่อนายจ้างชาวอิสราเอลว่า นายเศรษฐา ได้เสียชีวิตแล้ว แต่ยังไม่มีใครเข้าไปยืนยันตัวตนให้ เนื่องจากขณะนี้มีผู้เสียชีวิตที่รอการพิสูจน์ตัวตนอีกเป็นจำนวนมาก จึงอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ยังไม่พบรายชื่อของนายเศรษฐา โฮมสร ปรากฏอยู่ในรายชื่อผู้เสียชีวิตของทางการก็เป็นได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: