X

ศาลยกฟ้อง คดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ฯ ฟ้องสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน ผิดสัญญาชำระหนี้

ศาลยกฟ้อง คดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ฯ ฟ้องสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน ผิดสัญญาชำระหนี้ เหตุขาดอายุความ

กรณีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ยื่นฟ้องสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน จำกัด  ฐานผิดสัญญา และเรียกเงินคืนเป็นจำนวนเงิน 9,268,044 บาท โดยโจทก์ คือกรมส่งเสริมสหกรณ์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2544 จำเลยคือสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน  ได้ทำคำยินยอมขอรับความช่วยเหลือด้านเงินทุนภายใต้โครงการเงินกู้เพื่อปรับปรุงโครงสร้างภาคการเกษตร โดยขอรับการช่วยเหลือเป็นค่าก่อสร้างโรงสีข้าวขนาด กำลังผลิต 40 ตันต่อวัน เป็นเงิน  8,775,900 บาท โดยจำเลยได้ทำบันทึกยินยอมบริจาคเงินสมทบเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ เพื่อนำไปสนับสนุนอุปกรณ์การตลาดให้กับสหกรณ์อื่น อีกทั้งยังยินยอมบริจาคเงินอีกร้อยละ 1 ของวงเงิน 8,775,900 บาทและของยอดเงินคงเหลือในปีต่อ ๆ ไป จนกว่าเงินบริจาคจะครบ โดยจะเริ่มส่งเงินบริจาคเป็นงวดแรกเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2547 ส่งงวดสุดท้ายในวันที่ 6 ธันวาคม 2558 หากจำเลยไม่สามารถส่งเงินบริจาคได้ จำเลยตกลงทำหนังสือขอปรับยอดเงินบริจาคใหม่ให้โจทก์พิจารณา และหากจำเลยผิดข้อตกลงข้อหนึ่งข้อใด จำเลยยอมให้โจทก์งดการช่วยเหลือหรือดำเนินการใด ๆ ตามที่โจทก์เห็นสมควร ต่อมาจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมชำระเงินบริจาค และทำหนังสือขอปรับแผนการชำระใหม่  โดยขอชำระเงินบริจาคเป็นงวดรายปี ภายในวันที่ 30 กันยายน ของทุกปี โดยเริ่มส่งงวดแรกในวันที่ 30 กันยายน 2548 และงวดสุดท้ายในวันที่ 30 กันยายน 2564  แต่เมื่อถึงกำหนดชำระงวดแรกจำเลยก็ไม่สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมตามที่ได้ตกลงกันไว้ได้จำเลยจึงขอปรับแผนการส่งเงินบริจาคและค่าธรรมเนียมอีกครั้ง วันที่ 24 กันยายน 2558 จำเลยตกลงขอผ่อนผันและขยายระยะเวลาส่งเงินคืน โดยจำเลยตกลงบริจาคเงินเป็นงวด รายปี ภายในวันที่ 30  กันยายน ของทุกปี รวม 7 งวด ส่งเงินบริจาคงวดแรกวันที่  30 กันยายน 2558  ส่งงวดสุดท้าย วันที่ 30  กันยายน 2565  หากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดยอมให้โจทก์ฟ้องร้องบังคับคดีได้ทันที  หลังทำสัญญาแล้ว จำเลยยังคงผิดนัด ชำระเงินค่าธรรมเนียมตามข้อตกลงอีก  เพียงชำระบางส่วนเป็นเงิน 300,000 บาท แต่ไม่ยอมส่งเงินบริจาค จึงถือว่าจำเลยผิดนัดชำระเงินทั้งหมด รวมเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยชำระมาเพียง 397,759 บาท โจทก์ได้บอกกล่าวให้ชำระเพิ่มแต่จำเลยเพิกเฉย จนถึงปัจจุบัน จำเลยยังคงค้างส่งเงินค่าบริจาค เป็นจำนวนเงิน  8,775,900 บาท และค้างชำระค่าธรรมเนียมอีก 492,144 บาท รวมเป็นเงิน 9,268,044 บาทโจทก์จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป

โดยจำเลยคือสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน  ยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความและสัญญากู้ไม่เป็นธรรมมาเป็นข้อต่อสู้  โดยแย้งว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการ ที่รัฐบาลในสมัยนั้นอุดหนุนให้สถาบันการเกษตรเข้มแข็งขึ้น เป็นเงินทุนอุดหนุนแบบให้เปล่า จึงไม่ใช่การกู้ยืมเงิน อีกทั้งคดีนี้ก็ขาดอายุความแล้ว โดยเห็นว่า คำยินยอมของสหกรณ์ในการขอรับการ

ช่วยเหลือค้านเงินทุนภายได้โครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร เป็นนิติกรรมการ

กู้ยืมเงินที่มีข้อตกลงผ่อนชำระคืนทุนเป็นงวด ๆ มีอายุความ ๕ ปี เมื่อจำเลยไม่สามารถชำระ

เงินส่วนลงทุน(ต้นเงิน) คงชำระเพียงเงินบริจาค(ตอกเบี้ย) วันที่ 23 กันยายน 2548

จำเลยจึงทำบันทึกยอมรับสภาพหนี้ ว่าเป็นหนี้ต้นเงิน  8,775,900 บาท ยินยอมชำระเงินบริจาค(ดอกเบี้ย)ในอัตราร้อยละ ๑ ต่อปี ของต้นเงิน  8,775,900 บาทและของยอดคงเหลือในแต่ละปีจนกว่าจะครบถ้วนโดยจะ ชำระภายในวันที่ 30 กันยายนของทุกปี  เริ่มงวดแรกภายในวันที่ 30 กันยายน 2548 งวดสุดท้ายภายในวันที่ 30 กันยายน 2564  เป็นการที่จำเลยรับสภาพหนี้ ว่าเป็นหนี้โจทก์จริง ไม่ได้เปลี่ยนสิ่งที่เป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ เมื่อถึงกำหนดชำระงวดแรกภายในวันที่ 30 กันยายน 2548 จำเลยไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ตามกำหนด ถือว่าจำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ กำหนดเวลาที่โจทก์อาจบังคับชำระหนี้แก่จำเลยจึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1ตุลาคม 2548 ครบกำหนด 5 ปี ในวันที่ 1 ตุลาคม 2558 ฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความ โดยโจทก์ นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่  15 มีนาคม 2565  นอกจากนี้บันทึกข้อตกลงให้ความช่วยเหลือไม่ใช่การ ยืมเงิน แต่เป็นการให้สิ่งของแบบมีเงื่อนไขเป็นสัญญาไม่มีรูปแบบ จึงมีกำหนดอายุความ 10 ปี เมื่อโจทก์อ้างว่าวันที่  6  ธันวาคม 2548  จำเลยต้องชำระเงินบริจาคส่วนลงทุนและค่าธรรมเนียม 837,755  บาท แต่จำเลยผิดนัดตามบันทึกดังกล่าว  และต่อมาโจทก์กับจำเลยไม่ได้บันทึกเกี่ยวข้องกับเหตุผิดนัดในส่วนนี้ แสดงว่าจำเลยผิดนัดเมื่อวันที่ 6  ธันวาคม 2548  แต่ โจทก์นำคดีมา ฟ้องจำเลยใน วันที่ 15มีนาคม 2565  จึงเกินกว่า 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

โดยคดีนี้ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย แล้วเสร็จและนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 โดยศาลตัดสินยกฟ้องเนื่องจากเห็นว่าคดีดังกล่าวขาดอายุความไปแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น

ทวี อภิสกุลชาติ ข่าว/ภาพ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน