จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 18.20 น. ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจถวายความปลอดภัยภารกิจ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และตลอดภารกิจมีการปล่อยรถประชาชนร่วมในเส้นทางนั้น มีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ เอ็มจี รุ่นนิวเอ็มจี 3 สีขาว ทะเบียน 8 กจ 1711 กรุงเทพมหานคร มีชายไม่ทราบชื่อเป็นผู้ขับขี่และหญิงนั่งด้านข้างคนขับขี่ ทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ “ตะวัน” อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาคดี 112 มีพฤติการณ์คือบีบแตรรถยนต์ลากยาวระหว่างขบวนสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ผ่านทางร่วมต่างระดับมักกะสัน และขับรถยนต์ด้วยความเร็วเพื่อไปให้ทันขบวนเสด็จ แต่เมื่อมาถึงบริเวณทางลงด่วนพหลโยธิน 1 (ทางลงด่วนอนุสาวรีย์ชัยฯ) เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่รถปิดท้ายได้สกัดกั้นไม่ให้รถยนต์คันดังกล่าวลงไปร่วมกับขบวนเสด็จได้ จึงมีการโต้เถียงกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับตะวัน คลิปโต้เถียงไปปรากฏในเฟซบุ๊ก Tawan Tantawan กลายเป็นที่วิจารณ์จำนวนมาก
การก่อกวนขบวนเสด็จไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นมาหลายครั้ง ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจและฝ่ายความมั่นคงดำเนินการล่าช้า ทำให้เกิดปัญหาลุกลามส่งผลให้เกิดการปะทะกัน ทำให้ประชาชนทั่วประเทศไม่สบายใจในเรื่องที่เกิดขึ้น การไปรบกวนขบวนเสด็จถือว่าไม่บังควร จึงรวมพลังแสดงจุดยืนปกป้องและถวายกำลังใจแด่กรมสมเด็จพระเทพรัตนฯพร้อมกันหลายจังหวัดทั่วประเทศ
ในส่วนของจังหวัดนครพนมเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น.ณ หอประชุมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธาน หัวหน้าส่วนราชการ เอกชน พี่น้องประชาชนชาวนครพนม ร่วมพันคนเดินทางมาร่วมกิจกรรมแสดงจุดยืนปกป้องและถวายกำลังใจแด่กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี รวมใจแต่งกายด้วย “เสื้อสีม่วง” หรือ “สีเหลือง” มาร่วมใจแสดงพลังให้เป็นที่ประจักษ์ทั้งแผ่นดิน “นครพนม รัก พระองค์ท่าน”
ข่าวน่าสนใจ:
นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานในพิธี เปิดกรวยกระทงดอกไม้ถวายราชสักการะ ถวายแจกันดอกไม้ หลังจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดได้นำกล่าวถวายความจงรักภักดี จากนั้นผู้ร่วมพิธีกล่าวคำว่า “สมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้า ทรงพระเจริญ” กล่าว 3 ครั้ง พร้อมกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: