วันที่ 29 ก.พ.67 เวลา 11.00 น.ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านดงต้อง ม.7 ต.ดงขวาง อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งมีอาชีพหาปลาในแม่น้ำโขงว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ.67 ออกหาปลาที่แม่น้ำโขงโดยใช้โมงที่เป็นตาข่ายบังเอิญโมงไปติดวัสดุบางอย่างซึ่งตอนแรกยังไม่รู้มันคืออะไร ผู้สื่อข่าวได้พบคุณลุงวินัย คำโสม อายุ 69 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านดงต้อง ม.8 เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนอาชีพประมงหาปลามานานและมีความชำนาญเรื่องดำน้ำพอสมควร จึงอาสาดำน้ำลงไปดู พบสิ่งที่ติดโมงนั้นคือรถยนต์ กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ทะเบียน 1272 กาฬสินธ์ุ อักษรตัวหน้ามองไม่เห็น รถยนต์อยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 30 เมตร ด้านบนเป็นสำนักสงฆ์โพธิ์ทอง คาดว่ารถคันดังกล่าวน่จะโดนแก๊งขโมยรถนำลงเรือข้ามโขง เรือหักรถตกกลางน้ำโขง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อม นรข.เขตนครพนมไปตรวจสอบ โดยทาง นรข.และชาวบ้านช่วยกันลากรถมาอยู่ตรงบันไดทางขึ้นลงน้ำโขงเพื่อนำรถขึ้นฝั่ง แต่เนื่องจากว่าข้างในรถมีทรายเต็มไปหมด ถึงแม้ นรข.จะทุบกระจกหลังเพื่อนำทรายออกแต่ก็ไม่เป็นผล พยายามอยู่ 2 วัน คือวันที่ 14, 15 ก.พ.67 จึงหยุดหรือชะลอการนำรถขึ้นฝั่งก่อน แล้วค่อยหาวิธีอื่นเพื่อนำรถขึ้นมาตรวจรถคันนี้เป็นของใคร ทะเบียน หรือโดนสวมทะเบียน
ผู้สื่อข่าวได้ไปสัมภาษณ์ พ.ต.อ.ณรงค์ เรืองมี ผกก.สภ.บ้านกลาง ผกก.เล่าว่า ทราบข่าวจากชาวประมงท้องถิ่นทึ่ไปลากโมงเป็นลักษณะตาข่าย แล้วก็ไปติดกับซากรถ ซึ่งภายหลังทราบว่าเป็นซากรถกระบะอยู่ในแม่น้ำโขง ตำบลดงขวางอำเภอเมืองนครนม จากนั้นก็แจ้งเหตุมาที่ตำรวจ แล้วทางเราก็ประสานกับเจ้าหน้าที่ทางฝ่ายความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยของฝ่ายปกครองของอำเภอเมืองจังหวัดนครพนม พยายามที่จะเข้าไปพิสูจน์ทราบกันซึ่งเบื้องต้นก็พบว่าเป็นลักษณะเป็นซากรถกระบะซึ่งมีตะไคร่น้ำเกาะเต็มเลย จึงสันนิษฐานว่าน่าจะจมมานานแล้ว กระแสน้ำน้ำโขงก็ไหลแรงเข้าใจว่าน่าจะจมแต่ที่อื่นแล้วก็ไหลมาแล้วก็ใช้เวลานานพอสมควร
เนื่องจากว่ารถมันจมอยู่เวลานานแล้วสภาพของการจมเนี่ยเบื้องต้นที่คุยกันความลึกประมาณ 3-4 เมตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างลึกมากสำหรับแม่น้ำโขง ดังนั้นขั้นตอนในการดึงขึ้นมาเราก็พยายามใช้หลายวิธีครับไม่ว่าจะเป็นวิธีการใช้ถังลมใช้ถังลมบรรจุน้ำลงไปข้างล่างหลังจากนั้นไปผูกกับตัวรถแล้วก็ใช้ปั๊มลมแล้วดึงขึ้นมา ณ ขณะนี้ก็ยังยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ยังไม่สามารถที่จะนำซากรถขึ้นมาได้ ทราบยี่ห้อว่าเป็นกระบะฟอร์ด ส่วนทะเบียนที่ได้มา เป็นทะเบียนที่ติดที่ตัวรถมา ซึ่งยังไม่เชื่อและก็ยังไม่ปักใจ 100% ว่าเป็นทะเบียนที่แท้จริงหรือเปล่าแต่ทะเบียนที่ได้มา เบื้องต้น มีการแจ้งหายไว้ เมื่อปี 62 ที่ขอนแก่น ก็ติดต่อกับผู้เสียหายที่แจ้งไว้ คือนางสาวสุรัตน์ จันทรวัฒน์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องได้ตัวรถตัวรถขึ้นมาก่อน เพื่อพิสูจน์ทราบหมายเลขคัสซีหมายเลขเครื่อง เพื่อจะได้ทราบว่าจริงๆแล้วเป็นรถยนต์คันไหนแน่ ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการของทีมงานฝ่ายความมั่นคงก็คือของนรข.ที่จะพยายามจะดึงซากรถขึ้นมาให้ได้ ขณะนี้ได้ประสานไปที่ นรข.แล้วเพื่อจะได้นำรถขึ้นฝั่ง รอการประยืนยันว่าจะดำเนินการได้เมื่อไหร่
ข่าวน่าสนใจ:
- บุรีรัมย์ ชวนเที่ยว งานช้างเคาท์ดาวน์ 2025 และงานกาชาดบุรีรัมย์เริ่มแล้ว รางวัล กิจกรรมเพียบ
- “วิทยา แก้วภราดรัย” รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยันการแก้ปัญหาน้ำมันแพง เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อประชาชน ไม่หวั่นปัญหาพรรคที่เกิดขึ้น
- พะเยา พ่อสุดทนลูกเถียงคว้ามีดหวังทำร้ายยิงสวนดับ
- THACCA ร่วมกับ วธ. สนับสนุน 220 ล้านบาท ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์และซอฟต์พาวเวอร์ไทย
พ.ต.อ.ณรงค์ เรืองมี ผกก.สภ.บ้านกลางได้กล่าวถึงแนวทางการป้องกันการกระทำความผิดในริมน้ำโขงในส่วนของ สภ.บ้านกลาง จะทำทำงานแบบบูรณาการ กับทางฝ่ายความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็น นรข.ฝ่ายปกครอง ของอำเภอเมืองจังหวัดนครพนมหรือว่าจะเป็นส่วนของ ตชด.หรือว่าจะเป็นส่วนของนบ.ยส.24 ซึ่งตรงนี้มีการออกตรวจแบบบูรณาการร่วมกันทุกวันทุกคืนจะมีแบบที่หมุนเวียนกัน ดังนั้นการที่จะมีช่องว่างที่คนร้ายจะลักลอบกระทำความผิดเกี่ยวกับแนวลุ่มน้ำโขง ตามที่พื้นที่รับผิดชอบอยู่ค่อนข้างที่จะไม่มีช่องว่างให้กระทำความผิดเลย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ก.พ.67 นางสาวสุภัสรีญา ผิวแดง ผู้ค้ำประกัน ซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสีย รถคันดังกล่าว เพราะตนเองถูกศาลสั่งบังคับคดี เรียกค่าเสียหาย ในฐานะคนค้ำประกัน จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความ กับ พ.ต.ท.ศิริชัย พรหมอารักษ์ สารวัตร สอบสวน สภ.บ้านกลาง ไว้เป็นหลักฐาน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: