เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2567 ร.ต.ต.สุเทียน ทองโสม ประธานชมรมรักษ์มุกดาหาร ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีแรงงานชาวลาวที่เดินทางกลับแขวงสะหวันนะเขตสปป.ลาว ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกเรียกเก็บค่าโดยสารและค่าระวางสัมภาระในราคาที่แพงมาก จึงได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บริเวณจุดรอขึ้นรถโดยสารระหว่างประเทศมุกดาหาร-สะหวันนะเขต สะพานมิตรภาพไทย- ลาวแห่งที่ 2 พร้อมผู้สื่อข่าว พบว่ามีแรงงานชาวลาวพร้อมถุงสัมภาระขนาดใหญ่จำนวนมากรอขึ้นรถโดยสารอย่างเนืองแน่นตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะข้ามไปร่วมฉลองสงกรานต์กับครอบครัวที่ สปป.ลาว ขณะที่หลายคนมีสีหน้าหม่นหมองเมื่อสอบถามก็ได้คำตอบว่าเงินที่ได้มาจากค่าจ้างแรงงานได้ถูกเรียกเก็บเป็นค่าโดยสารรถ ค่าระวางสัมภาระในราคาที่แพงมากซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำให้เงินที่เตรียมมาใช้เป็นค่าฉลองวันสงกรานต์กับครอบครัวแทบจะไม่เหลือถึงบ้าน
จากการสอบถามนายเพดชมพู แรงงานชาวลาว เล่าให้ฟังว่า เดินทางจากกรุงเทพฯมามุกดาหารด้วยรถโดยสารปรับอากาศ ถูกเรียกเก็บค่าระวางถุงกระสอบที่ใส่สัมภาระและของฝากในราคาถุงละ 200 บาท เมื่อรถมาถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดมุกดาหาร ก็มีคนขับรถสามล้อเครื่องหรือรถสกายแลป เข้ามาต้อนให้ไปขึ้นรถบอกว่าจะพาไปส่งขึ้นรถโดยสารระหว่างประเทศมุกดาหาร-สะหวันนะเขต ข้ามไป สปป.ลาว ที่ด่านพรมแดนมุกดาหารซึ่งห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร โดยจะได้รับความสะดวกและรวดเร็วกว่า เพราะถ้ารอขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจะต้องรอคิวนานเนื่องจากมีผู้โดยสารรอขึ้นรถเยอะมาก โดยคิดค่าโดยสารคนละ 150 บาท ทำให้ตนหลงเชื่อจึงได้ขึ้นรถมาพร้อมกับแรงคนอื่นๆ อีก 5 คน แต่เมื่อมาถึงด่านพรมแดนมุกดาหารกลับต้องรอรถโดยสารระหว่างประเทศที่วิ่งมาจากสถานีขนส่งเหมือนเดิมทำให้ต้องเสียเวลารอนานมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก ทั้งยังต้องเสียเงินให้รถสกายแลปอีกคนละ 150 บาท
นอกจากนี้ยังต้องเสียเงินค่าระวางให้กับรถโดยสารระหว่างประเทศจากมุกดาหารไปสะหวันนะเขตอีกถุงละ 200 บาท เมื่อรวมกับค่าตั๋วรถโดยสารแล้วทำให้ต้องเสียเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการกลับบ้านร่วม 2,000 บาท แต่ถ้าคนไหนมีสัมภาระเยอะก็ต้องเสียเงินมากถึง 3,000 บาท แต่ก็ต้องยอมเพื่อให้ได้กลับถึงบ้าน และมีของไปฝากคนในครอบครัวเล็กๆ น้อยๆ จึงอยากขอความเมตตาให้กับแรงงานชาวลาวด้วยเพราะทำงานเหนื่อยยากลำบากกว่าจะได้เงินค่าจ้างแต่กลับต้องมาเสียเงินในลักษณะเหมือนถูกหลอกลวงขูดรีดฉวยโอกาสอย่างไม่เป็นธรรม
เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของจังหวัดมุกดาหารจึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของรถโดยสารและรถสกายแลป ว่าเข้าข่ายสร้างความเดือดร้อนให้กับแรงงานชาวลาวโดยการเรียกค่าโดยสารหรือค่าระหว่างสัมภาระสูงเกินปกติ หรือไม่ โดยอาจเป็นความจริงควรดำเนินการใดๆ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างตลอดจนสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารต่อไป” ร.ต.ต.สุเทียนกล่าว
