นรข.นครพนม พร้อมใจบริจาคโลหิตสร้างคลังเลือดสำรองช่วยประชาชน เนื่องในวันอาภากร องค์บิดาของทหารเรือ
ที่ห้องราชนาวี อาคารอเนกประสงค์ บก.นรข. อ.เมือง จังหวัดนครพนม พลเรือตรีนรินทร์ ขาวเจริญ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง มอบหมายให้ น.อ.ณฐพัฒน์ ซื่อมงคล รอง ผบ.นรข.เขตนครพนม นำกำลังพลร่วมกันบริจาคโลหิตให้กับโรงพยาบาลนครพนมและสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ที่ได้ออกหน่วยเคลื่อนที่ให้บริการ ณ จุดที่ตั้ง เพื่อสำรองโลหิตไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน บริจาคโลหิต จำนวน 55 นาย ได้โลหิต จำนวน 24,750 ซีซี และมีกำลังพลประสงค์ บริจาค ดวงตา จำนวน 5 นาย และบริจาคอวัยวะ 6 นาย โดยมี นางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ร่วมกิจกรรมฯในครั้งนี้
การบริจาคโลหิตในครั้งนี้ เนื่องในวันอาภากร 19 พฤษภาคม 2567 และวันครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 101 ปี พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ และเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่วีรชนของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ที่ได้สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่วีรชนของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ที่ได้สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน โดยพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มีพระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 28 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นเจ้านายพระองค์แรกที่สำเร็จการศึกษาวิชาการทหารเรือจากประเทศอังกฤษ ทรงมีจุดประสงค์อย่างแรงกล้าจะฝึกให้ทหารเรือไทยเดินเรือทะเลได้อย่างชาวต่างประเทศและสามารถรบทางเรือได้ เนื่องจากในอดีตประเทศไทยต้องว่าจ้างชาวต่างชาติมาเป็นผู้บังคับการเรือ
โดยในปี พ.ศ. 2462 พระองค์ทรงเป็นผู้บังคับการเรือนำเรือหลวงพระร่วงจากประเทศอังกฤษเข้ามายังกรุงเทพมหานคร และนับเป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทยเดินเรือได้ไกลข้ามทวีป นอกจากนี้พระองค์ยังทรงวางรากฐานพัฒนากิจการทหารเรือ จัดตั้งฐานทัพเรือ โรงเรียนนายเรือ ให้มีความเข้มแข็ง มั่นคง มีความเจริญก้าวหน้าเป็นที่ประจักษ์ มาตราบเท่าทุกวันนี้ ทรงได้รับการเชิดชูในหมู่ทหารเรือเรียกขานพระองค์ว่า เสด็จเตี่ย หรือ หมอพร และ พระบิดาแห่งกองทัพเรือไทย ต่อมาในปี 2536 มีประกาศกองทัพเรือขนานพระนามพระองค์ว่า พระบิดาของกองทัพเรือไทย และในปี 2544 แก้ไขเป็น องค์บิดาของทหารเรือไทย
