วันที่ 31 สิงหาคม 2567 จังหวัดนครพนมเผชิญผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดระดับน้ำแตะ 11 เมตร โดยเช้าวันนี้วัดได้ที่ 10.77 เมตร เพิ่มขึ้น 17 เซนติเมตร ส่งผลให้ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งที่อาจส่งผลกระทบต่อนาข้าวกว่า 30,000 ไร่ในพื้นที่
นายชัยรัตน์ ศรีโนนทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ภาค 3 พร้อมด้วยนายเดช บำรุงหงษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม และ พล.ต.ฉัฐชัย มีชั้นช่วง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง โดยสำรวจบริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช และสถานีวัดระดับน้ำที่ตำบลหนองแสง อำเภอเมืองนครพนม
สทนช.ภาค 3 รายงานว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝนตกหนักสะสมในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่งผลให้น้ำจากเขื่อนไซยะบุรีในลาวไหลเข้าสู่แม่น้ำโขงในอัตรา 17,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ การเกษตร แนวถนน และชุมชนริมแม่น้ำโขง
นายชัยรัตน์ ศรีโนนทอง เปิดเผยว่ามวลน้ำจากพื้นที่ตอนบนที่ไหลลงมาสู่จังหวัดนครพนม คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรง เนื่องจากระดับน้ำตอนบนเริ่มลดลง แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ระดับน้ำในนครพนมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 40 เซนติเมตร
ทางจังหวัดนครพนมได้เตรียมการรับมือสถานการณ์นี้ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยราชการ หน่วยทหาร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงริมแม่น้ำให้เตรียมความพร้อม และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเกษตรกรควรป้องกันผลผลิตทางการเกษตรที่อาจได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม
จังหวัดนครพนมได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยแล้วใน 2 อำเภอ คืออำเภอศรีสงคราม และอำเภอนาทม โดยมีพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมขังประมาณ 38,000 ไร่ คาดว่าจะได้รับความเสียหายประมาณ 31,000 ไร่
หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งผ่านช่องทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” สายด่วนนิรภัย 1784 หรือศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง.
