X

มิจฉาชีพในคราบนักบุญ! หลอกชาวบ้านนครพนมไปทำงานอเมริกา สูญเงินนับล้าน

นครพนม 2 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านผู้เสียหายจำนวน 7 คน เดินทางมาร้องเรียนและขอความช่วยเหลือยังสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครพนม โดยอ้างว่าถูกมิจฉาชีพคราบนักบุญ อ้างตัวเองว่าเคยไปทำงานที่สหรัฐอเมริกามาก่อนหน้านี้มาหลายสิบปีและกำลังมีแผนจะเดินทางกลับไปทำงานที่อเมริกาอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้นายจ้างกำลังต้องการแรงงานเพิ่มและให้ตนช่วยหาให้อีก 2 คน โดยมีพฤติกรรมทำทีเข้าไปตีสนิทกับผู้ที่เข้าไปปฏิบัติธรรมตามวัดต่างๆ โดยวางตัวมีบุคลิกดีสร้างความน่าเชื่อถือกับผู้ที่มาทำบุญ

นายชาติชาย ธรรมรงค์ หรือ อั้ม หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่า ขณะที่ตนและครอบครัวมีโอกาสเดินทางไปทำบุญยังวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โอกาสรู้จักกับนายกะนามสมมุติ ขณะมาทำบุญยังวัดและอ้างว่าเดินทางมาให้พระอาจารย์เจิมเล่มพาสปอร์ต เพราะจะเดินทางต่างประเทศโดยบอกว่าจะไปยังสหรัฐอเมริกา ก่อนถามว่ายังขาดคนเดินทางทำงานอีกสองคน จึงได้ชักชวนเพื่อนสนิทช่วยกันหาหยิบเงินเพื่อจะไปทำงานร่วมกัน อีกทั้งมีความเชื่อใจว่าเป็นชาวจังหวัดนครพนมด้วยกัน พร้อมทั้งเสนอเงื่อนไขขั้นตอนต่างที่ไม่ยุ่งยาก โดยครั้งแรกจะเรียกเก็บค่าดำเนินการและค่าใช้จ่ายเบื้องต้น เป็นเงิน 28,000 บาทต่อคน ระยะเวลาสัญญางาน 7 เดือน รายรับเดือน หนึ่งแสนบาทต่อเดือนโดยนายจ้างจะหักค่าตั๋วเครื่องบินและวีซ่าเดือนละ 1 หมื่นบาท นอกจากนี้ยังอ้างกับผู้เสียหายว่า หากใครมีเอกสารและเงินพร้อม ก็สามารถเดินทางได้ในเร็วๆ นี้ เพราะนายจ้างจะบินมาสัมภาษณ์งานและขอวีซ่าที่สถานฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยได้ทันที ทำให้ตนเองเกิดความสนใจและไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบเกรงจะเสียโอกาส จึงได้รีบชวนนายหรั่ง เพื่อนสนิทไปทำงานด้วยอีกหนึ่งคน ไม่คิดว่าจะมาทำให้ต้องเดือดร้อนไปด้วยกัน ทั้งนี้ยอมรับว่าตนและเพื่อนต้องตัดสินใจเอาเงินที่เก็บสำรองไว้ใช้จ่ายในครอบครัวและออกหยิบยืมกู้หนี้ยืมสินจากคนรอบข้างมาจ่ายเป็นค่าดำเนินการตามที่นายนันท์ กล่าวอ้างโดยเชื่อว่าหลังจากเดินทางไปทำงานแล้วก็จะส่งเงินมาใช้หนี้คืนได้ไม่ยาก (ผู้หญิงที่สวมแมสก์) น.ส.กานต์สินี โพธิ์ขำ  อดีตครูอัตราจ้างของ รร.เทศบาลเมืองนครพนมแห่งหนึ่ง เป็นผู้เสียหายอีกคนที่ได้นำรถจักรยานยนต์ไปจำนำและกู้เงินนอกระบบ เพื่อรวบรวมให้นายกะ โดยหวังจะไปทำงานที่อเมริกาด้วยเช่นกัน โดยนายกะบอกว่ามีในฟาร์มสวนปลูกดอกไม้

 

น.ส.กมลวรรณ ดีพรมและนาย ศรายุทธ  สีสด สองสามีภรรยา ชาวบ้าน ต.นาถ่อน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เป็นผู้หนึ่งที่ถูก นายกะ ซึ่งเป็นคนรู้จักและญาติห่างๆ กล่าวชักชวนจากนายกะว่ากำลังจะบินกลับไปยังอเมริกาในเร็วๆ นี้ ได้เข้ามาพูดจาชักชวนให้ไปทำงานด้วยกัน โดยเสนอให้จ่ายเงินเป็นค่าดำเนินการยื่นทำเอกสารวีซ่าคนละ 35,000บาท รับเงินเดือน คนละหนึ่งแสนบาทต่อเดือน ส่วนค่าตั๋วเครื่องบินและอื่นๆนายจ้างจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน และจะทยอยหักจากเงินเดือนเมื่อเริ่มทำงานแล้วเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 13 เดือน ทำให้ตนเห็นว่าเป็นเงื่อนไขที่น่าสนใจและเกรงจะเสียโอกาสจึงรีบตัดสินใจหาเงินจ่ายค่าดำเนินการ พร้อมทั้งถ่ายภาพส่งเอกสารต่างๆ ผ่านแอปลิเคชั่นไลน์ให้นายกะโดยทันที โดยอ้างว่าอีกสองวันขอให้เตรียมตัวเดินทางเข้าสถานทูตอเมริกาที่กรุงเทพฯ เพราะนายจ้างจะบินมาสัมภาษณ์ด้วยตนเอง และหากไม่สามารถเดินทางไปทำงานก็จะคืนเงินให้ครึ่งหนึ่ง ทำให้เกิดความเชื่อถือมากยิ่งขึ้น จากนั้นตนและสามีต่างหาเงินกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายให้นายกะ เป็นเงิน 70,000 บาท กระทั่งเมื่อถึงเวลาตามที่ตกลงกันไว้ นายกะเริ่มเงียบหายบ่ายเบี่ยง อีกทั้งกล่าวอ้างว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้บินให้รอคอยอีกหน่อย ทั้งนี้ต่างกับตอนเสนอชักชวนตนว่ารอคนงานเพิ่มอีกสองคนเท่านั้นก็จะได้บินทันที

ต่อมาตนรบเร้าจึงชวนให้เข้ากลุ่มไลน์ที่ นายกะตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมีสมาชิกในกลุ่มเกือบ 40 คน แต่กลับกลายมัดตัวนายกะเองในเวลาต่อมา เมื่อมีสมาชิกในกลุ่มบางคนหนึ่งได้ทวงถามจะได้บินเมื่อไรหลังจากรอมานานเกือบปี จึงทำให้ความแตก จึงได้ตัดสินใจรวบรวมหลักฐานเอกสารการโอนเงินและบันทีกการสนทนาต่างๆ เข้าแจ้งต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครพนมและพนักสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับนายกะ

ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปพบนายกะเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง  ทั้งนี้ได้ยอมรับว่าได้ทำการชักชวนคนงานที่เดินทางไปร้องเรียนดังกล่าวจริง อีกทั้งตนเองและลูกชายก็เป็นผู้หนึ่ง ก็ได้รับการถูกชักชวนให้เช่นกันและได้โอนเงินเพื่อไปทำงานยังอเมริกา โดยผู้ที่ชักชวนตนก็ขอให้ช่วยหาคนที่ต้องการไปทำงานให้ด้วยจะได้เดินทางเร็วขึ้น ทำให้ตนเริ่มชวนญาติพี่น้องคนรู้จักไปด้วยกัน หวังที่จะได้รวยไปด้วยกัน แต่เมื่อถึงเวลาตามที่นัดหมายทางฝ่ายนายจ้างก็เลื่อนวันเดินทางเรื่อยมา แต่ยังคงให้ตนเตรียมหาคนงานสำรองมาโดยตลอด กระทั่งมีกลุ่มแรงงานที่ยังไม่ได้เดินทางตามสัญญาและขอเงินที่โอนมาแล้วคืน  ตนจึงได้ทวงถามไปยังคนที่ตนโอนเงินไปให้กลับบ่ายเบี่ยงและขาดการติดต่อในที่สุด ขณะนี้ตนก็ได้แจ้งความไว้แล้วเช่นกัน

นางสาววรานิษฐ์ กีรติพงษ์เวคิน นักวิชาการชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนจัดหางานจังหวัดนครพนม กล่าวว่า สำหรับกรณีร้องเรียนดังกล่าวนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมเอกสารหลักฐานดำเนินการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนท้องที่ ที่มีการกระทำผิดแล้ว โดยแจ้งข้อกล่าวหา นายกะจัดหาโดยไม่ได้รับอนุญาตและหลอกลวงคนไปทำงานต่างประเทศ และขอแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลการจ้างงานจากสำนักงานจัดหางานต่างๆได้ทั่วประเทศ

นายกะให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวว่า ในส่วนของตนทุกครั้งที่มีการโอนเงินของแรงงานที่จะเดินทางไปทำงานยังอเมริกา  เงินให้กับ นางนลิมล หันจันทร์ เป็นชาวจังหวัดชัยภูมิ แต่มาเปิดร้านเสริมสวยที่จังหวัดอุดรธานี จำนวนเงินที่โอนไปเป็นจำนวนเงิน 2,018,281 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้รับจากคนงานทั้งหมดราว 70คนรวมทั้งเงินของตนและลูกชายด้วย และต่อมาเมื่อมีคนงานเห็นผิดสังเกตไม่ได้เดินทางสักทีและขอเงินที่โอนมาคืน ตนจึงได้ทวงถามนางนลิมล ที่พยายามบ่ายเบี่ยงและสุดท้ายได้ขาดการติดต่อในที่สุด แต่ก็ไม่ละความพยายามได้ติดต่อหา นางจันทร์จิรา พุฒจิจันทร์ ผู้ที่ทำหน้าที่รวบรวมเอกสารต่างๆ ของแรงงาน ก็ได้กล่าวปฎิเสธความผิดรับชอบอ้างเพียงแต่มีหน้าที่รวบรวมเอกสารเท่านั้น

ขณะนี้ นายกะได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองฮีไว้แล้วเช่นกัน และก่อนหน้านี้เมื่อแรงงานที่ตนชักชวนยื่นร้องต่อ สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครพนม ตนเองก็ได้พยายามเข้าชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ แต่ได้รับการปฎิเสธอ้างยังไม่สะดวกและนัดให้มาให้การในสัปดาห์ถัดไป เมื่อถึงวันนัดหมายตรงกับวันที่ต้องพบแพทย์ตามนัด จึงไม่ได้เดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่ แต่อย่างไรก็ตาม นายกะได้กล่าวฝากขอโทษผู้เสียหายที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน