เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 31 ต.ค.2567 ที่ศาลจังหวัดนครพนม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิ ทีมงานทนายประชาชน ได้เดินทางมาที่ศาล จ.นครพนมเพื่อขึ้นเบิกความในฐานะจำเลย ในคดีหมายเลขดำที่ อ.1316/2566 โดยศาลได้นัดสืบพยานจำเลย ระหว่างนายธนบวร สิริคุณากรกุลที่ 1 นายศุภชัย โพธิ์สุ ที่ 2 และนางสาวศุภพานี โพธิ์สุ ที่ 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางสาวช่อฉัตร หรือช่อ โตชูวงศ์ ที่ 1 กับนายษิทรา หรือตั้ม เบี้ยบังเกิด ที่ 2 เป็นจำเลย ในข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท
คดีนี้ นายศุภชัย พร้อมพวก เป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายษิทรา ทนายความชื่อดัง และ น.ส.ช่อฉัตร นักธุรกิจน้ำยางพารา ในข้อหาความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยคำฟ้องระบุพฤติกรรมสรุปว่า จำเลยทั้ง 2 แถลงข่าวที่มีเนื้อหาเป็นเท็จและสร้างความเสียหายให้แก่โจทย์ทั้ง 3 ซึ่งมีผลทำให้โจทย์ทั้ง 3 เสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้งยังทำให้เกิดความเสียหายในเรื่องอื่น ๆ อีกหลายเรื่อง
ในคำขอท้ายฟ้อง โจทย์ทั้ง 3 ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามมาตรา 328 พร้อมได้เรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 30 ล้านบาท โดยในระหว่างไต่สวนมูลฟ้องจำเลยได้ขอเจรจาไกล่เกลี่ย แต่โจทย์ทั้ง 3 มีความต้องการที่จะปกป้องศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของตนเป็นสำคัญจึงไม่ยอมความ ซึ่งศาลประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 27 มี.ค.2567 และนัดสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 10 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา
ซึ่งในวันนี้ มีเพียงฝ่ายจำเลยเท่านั้นที่เดินทางมาขึ้นศาลเพราะก่อนหน้านี้ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นไปแล้ว ขณะที่ รศ.ธนบวร โจทย์ที่ 1เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ยังมีอีกหลายคดีที่ตนเป็นผู้เสียหายและได้ดำเนินคดีกับนายษิทรา และ น.ส.ช่อฉัตร โดยตนเองต้องการให้ทั้งคู่ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นกติกาของสังคมที่ทุกคนต้องยอมรับ ไม่มีใครเป็นอภิสิทธิ์ชนที่อยู่เหนือกฎหมาย
ข่าวน่าสนใจ:
ทางด้านทนายตั้มก่อนหน้านี้ ได้ท้าสหายแสง หรือนายศุภชัย โพธิ์สุ ให้ฟ้องศาลได้เลยตนไม่กลัวพร้อมลั่นไม่มีวันขอโทษ
ทั้งนี้นายศุภชัย โพธิ์สุ ซึ่งวันนี้ไม่ได้เดินทางมาขึ้นศาลได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า คดีนี้ตนต้องการทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนและครอบครัว ที่ถูกนำไปกล่าวพาดพิงจนเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็นการที่จำเลยไปกล่าวอ้างว่าโจทย์ที่ 1 เป็นภรรยากับลูกสาวของตน ทั้ง ๆ ที่โจทย์ที่ 1 มีภรรยาอยู่แล้ว ทำให้ลูกสาวตนได้รับความเสียหาย การที่จำเลยแถลงข่าวต่อสาธารณชนในประเด็นที่ไม่มีมูลความจริงทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง พวกตนจึงต้องลุกขึ้นมาปกป้องศักด์ศรีของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมา ในชั้นพิจารณาของศาลทางจำเลยขอเจรจายอมความมาตอลอดแต่พวกตนไม่ยอม โดยจะต้องทำคดีนี้ให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของตนเอง
มีรายงานว่า ทนายตั้มได้เดินทางมาที่ จ.นครพนม ตั้งแต่เมื่อวานนี้ 30 ต.ค.67 และวันนี้ศาลจังหัดนครพนม ได้นัดสืบพยานจำเลยหลังจากที่ได้สืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นไปแล้ว โดยศาลได้นัดขึ้นที่ บัลลังก์ 1 ชั้น 2 ทนายตั้มเดินทางมาด้วยรถยนต์กระบะ 4 ประตูถึงศาลจังหวัดนครพนม ในช่วงเช้าโดยหลบขึ้นประตูข้างและขึ้นทางประตูด้านหลังศาล ก่อนเวลา 10.00 น.โดยหลอกให้ผู้สื่อข่าวไปรอเก้อที่สนามบินนครพนม ซึ่งมีรายงานข่าวว่าทนายตั้มจะเดินทางมาด้วยเที่ยวบินช่วงเช้าแต่เมื่อถึงเวลากลับไร้เงาทนายตั้ม ที่สนามบิน
ทันทีที่นทนายตั้มพบหน้าผู้สื่อข่าว ที่หน้าบัลลังก์ 1 ทนายตั้ม กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “พวกคุณไปรอผมที่บันไดทางขึ้นหน้าศาล ผมเสร็จเที่ยง” แล้วขอตัวเข้าห้องพิจารณาคดีทันที
หลังจากเสร็จสิ้นการขึ้นให้การในศาล ทนายตั้มและคณะก็แอบหลบ หนีผู้สื่อข่าวที่ดักรอสัมภาษณ์อยู่บริเวณทางออก โดยทั้งหมดปลอมตัวปะปนไปกับชาวบ้านที่เดินทางมาขึ้นศาล จนสามารถหลุดรอดจากสายตาของผู้สื่อข่าวนับสิบสำนักที่มารอทำข่าว และหลบออกจากศาลไปได้โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับนักข่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: