นครพนม งานบุญกฐินโหด หนุ่ม 20 โดนยิงหัวอาการสาหัส เพื่อนสาวแทบช็อค หลังถูกยิงสาดเบียร์ใส่ใบหน้า ก่อนขับรถหลบหนี
วันที่ 3 พฤศจิกายน เวลา 01.04 น ศูนย์วิทยุ 191 รับแจ้ง มีเหตุทำร้าย ร่างกาย มีผู้ถูกยิง เข้าที่หัว ที่บริเวณบ้านโพนงาม ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครพนม ร.ต.อ.บำรุง พันโนราช หัวหน้าชุดป้องกันปราบปราม สภ.เมืองนครพนม ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นถนนคอนกรีตภายในหมู่บ้าน เมื่อถึงพื้นที่เกิดเหตุพบ กองเลือด และพระห้อยคอ 1 องค์ ของ ของผู้บาดเจ็บ ซึ่งถูกส่งไปรักษาตัวที่ยังโรงพยาบาล จากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ น.ส ชาเอม อายุ 18 ปี และ น.ส ฟางกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ เมื่อ เวลา 21.00 น ตนพร้อมเพื่อนและ นายศุภวัฒน์ ผู้ถูกยิง ได้เดินทางมาเที่ยวงานบุญกฐิน มีหมอลำซิ่ง ที่บ้านโพนงาม ต.นาทราย อ.เมืองจ.นครพนม จนกระทั่งเวลา 24.00 น กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้เดินเข้ามาถามว่าตนได้ไป ทำร้ายแฟนสาวเขาหรือเปล่า และเขาก็ได้ทำร้ายเพื่อนของตนซึ่งเป็นผู้หญิง จังหวะนั้นหนูก็ได้ร้องตะโกนออกไปว่าทำไมต้องตีผู้หญิง หลังจากนั้น หลังจากนั้นนายศุภวัฒน์ คนที่โดนยิง ได้เดินเข้ามาหาตน และได้บอกกับนายศุภวัฒน์ว่า ตนถูกทำร้าย จังหวะนั้นนายศุภวัฒน์เดินเข้าไปคนเดียว ก็เลยไม่ได้ต่อว่าต่อเถียงจึงพากันเดินแยกย้ายออกมา ระหว่างทางที่จะเดินกลับ ออกจากงาน ตนและเพื่อนหญิงพร้อมนายศุภวัฒน์ก็ได้เดิน ออกมาตามถนนคอนกรีตซึ่งห่างจากงานประมาณ 200 เมตร กลุ่มผู้ก่อเหตุได้จอดรถจักรยานยนต์ ประมาณ 3 คัน ขวางไว้และลงมาทำร้าย นายศุภวัฒน์ ก่อนที่จะยิงปืนไป 1 นัด โดยกระสุนถากเข้าบริเวณศีรษะ ด้านซ้าย หลังจากยิงเสร็จก็ได้สาดเบียร์ใส่และขึ้นรถจักรยานหลบหนี ไปทางบ้านซอง ซึ่งขณะนั้นผู้ถูกยิงยังไม่ได้สติพวกตนจึงให้การช่วยเหลือพร้อมแจ้งตำรวจ 191 และกู้ภัย ให้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งยังโรงพยาบาลจังหวัดนครพนม
น.ส ชาเอม อายุ 18 ปี พร้อมเพื่อน กล่าวว่า ตนและเพื่อนได้ไปทำร้ายคู่กรณี แต่ตนไม่ได้ทำ แค่ดึงผม ถามว่า ทำไมถึงทำร้ายผู้หญิง นายศุภวัฒน์ จะเข้าไปช่วยเหลือพวกตน แต่โดนคู่กรณีทำร้าย โดยมีรถจักรยานยนต์ 3 คัน รุมทำร้ายนายศุภวัฒน์ และมีคนในกลุ่มคู่กรณียิงปืนใส่นายศุภวัฒน์ กระสุนถากบริเวณศีรษะ แล้วดึงคู่กรณีออก คู่กรณีบอกว่า ผู้หญิงห้ามยุ่ง แล้วขับขี่รถมอเตอร์ไซด์ออกไป
ข่าวน่าสนใจ:
เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ส่งชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่แกะรอยตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: