“โบสถ์เก่าคำเกิ้ม” วัดนักบุญยอเซฟ บ้านคำเกิ้ม จ.นครพนม โบสถ์คาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปัจจุบัน กับสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก โดยโบสถ์เก่าแห่งนี้เป็นวัดคาทอลิกหลังที่ 3 ในภาคอีสาน เมื่อวัดแคทอลิกแห่งที่ 1 และ 2 (ที่อุบลราชธานีและสกลนคร) ถูกรื้อเพื่อสร้างอาสนวิหารใหม่ วัดคำเกิ้มจึงเป็นโบสถ์คาทอลิกเพียงหลังเดียวที่เหลืออยู่ และเป็นโบสถ์คาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปัจจุบัน
“นครพนม” จังหวัดริมฝั่งโขงที่มีทัศนียภาพงดงาม หากใครได้ลัดเลาะริมน้ำในตัวเมืองนครพนม ก็จะเห็นว่าพื้นที่ริมโขงนั้นมีตึกเก่า สถาปัตยกรรมงดงามอยู่หลายแห่ง หนึ่งในนั้นก็คือ “วัดนักบุญอันนาหนองแสง” (รองอาสนวิหารนักบุญอันนา) ที่มีความไฮไลต์อยู่ที่ตัวโบสถ์เป็นแบบโกธิก มีหอคอยคู่ยอดแหลมโดดเด่นโดยโบสถ์เก่าแห่งนี้เป็นวัดคาทอลิกหลังที่ 3 ในภาคอีสาน เมื่อวัดแคทอลิกแห่งที่ 1 และ 2 (ที่อุบลราชธานีและสกลนคร) ถูกรื้อเพื่อสร้างอาสนวิหารใหม่ วัดคำเกิ้มจึงเป็นโบสถ์คาทอลิกเพียงหลังเดียวที่เหลืออยู่ และเป็นโบสถ์คาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปัจจุบัน
ข่าวน่าสนใจ:
แต่เดิมบ้านคำเกิ้มเป็นหมู่บ้านห่างไกล มีกันอยู่ไม่กี่ครัวเรือน จนเมื่อมีมิชชันนารีเดินทางมาสำรวจเส้นทางและเผยแผ่ศาสนา มาเจอกลุ่มคริสตชนชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ทางทิศเหนือของนครพนม จากนั้นมีการหารือกันว่าจะย้ายไปอยู่ในพื้นที่ใหม่ กระทั่งมาเจอพื้นที่บ้านคำเกิ้ม ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของนครพนมประมาณ 3 กิโลเมตร หลังจากนั้นกลุ่มคริสตชนจึงเริ่มถางป่าและสร้างหมู่บ้านในปี พ.ศ.2428 ซึ่งโบสถ์หลังแรกก็สร้างในช่วงใกล้เคียงกัน เป็นวัดชั่วคราวใช้หลังคามุงหญ้าฝาขัดแตะ ปัจจุบันไม่มีหลงเหลืออยู่แล้วและในนครพนมนี้เอง ก็ยังมีโบสถ์คริสต์สวยๆ อีกแห่ง ที่มีความสำคัญคือ โบสถ์คาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดในภาคอีสานในปัจจุบัน
แต่เดิมบ้านคำเกิ้มเป็นหมู่บ้านห่างไกล มีกันอยู่ไม่กี่ครัวเรือน จนเมื่อมีมิชชันนารีเดินทางมาสำรวจเส้นทางและเผยแผ่ศาสนา มาเจอกลุ่มคริสตชนชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ทางทิศเหนือของนครพนม จากนั้นมีการหารือกันว่าจะย้ายไปอยู่ในพื้นที่ใหม่ กระทั่งมาเจอพื้นที่บ้านคำเกิ้ม ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของนครพนมประมาณ 3 กิโลเมตร หลังจากนั้นกลุ่มคริสตชนจึงเริ่มถางป่าและสร้างหมู่บ้านในปี พ.ศ.2428 ซึ่งโบสถ์หลังแรกก็สร้างในช่วงใกล้เคียงกัน เป็นวัดชั่วคราวใช้หลังคามุงหญ้าฝากและผนังขัดแตะด้วยไม้ไผ่ ซึ่งปัจจุบันไม่มีร่องรอยหลงเหลือแล้ว
ต่อมา โบสถ์หลังที่สองถูกสร้างขึ้นถาวรในปี พ.ศ.2447 เป็นอาคารผนังก่ออิฐถือปูนหลังคามุงด้วยไม้ เป็นเหมือนกับศูนย์กลางของการประชุมในพื้นที่เขตภาคอีสานจึงมีผู้คนเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นศูนย์ประชุมของบรรดาพระสงฆ์เขตอีสานและจากประเทศลาว จึงกลายเป็นศูนย์ที่สามต่อจากบุ่งกระแทวและบ้านคำเกิ้ม และในขณะนั้นเกิดข้อพิพาทในอินโดจีน ทำให้โบส์ถของที่นี่ถูกระเบิดทำลายได้รับความเสียหายมาก ผลจากแรงระเบิดทำให้กางเขนที่ติดตั้งเหนือหลังคา ถูกหักโค่นทำลายลงมา จึงต้องพากันย้ายไปที่ท่าแร่เป็นอัครสังคท่าแร่ ทำให้วัดแห่งนี้ต้องถูกทิ้งร้างกว่า 30 ปี ก็ถูกไฟไหม้ในปี พ.ศ.2483 หลังจากนั้นมีการสร้างโบสถ์ชั่วคราวหลังที่ 3 แล้วค่อยกลับมาบูรณะโบสถ์หลังที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งคือโบสถ์ปูนเปลือยที่ยังเหลืออยู่นี้ และสร้างโบสถ์หลังที่ 4 (โบสถ์หลังที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน) ในปี พ.ศ.2525 หลังจากนั้นพื้นที่วัดก็มีการบูรณะและปรับปรุงจนถึงปัจจุบัน
บาทหลวง สุรพงศ์ นาแว่น บาทหลวง เจ้าอาวาสวัด ยอเซฟ คำเกิ้ม กล่าวถึง วัดแห่งนี้ว่าเมื่อราว ปี 2019 ที่ผ่านมา โดยคุณพ่อเฉลิมศิลป์ จันลา ซึ่งเป็นบาทหลวงเจ้าอาวาสวัดในขณะนั้น ได้มาบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ รวมถึงบูรณะโบส์ถหลังเก่าด้วย การเปลี่ยนหลังคาใหม่ และมีพิธีการฉลองเมื่อในวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2020 หลังบูรณะเสร็จและฉลอง 135 ปี แห่งความเชื่อของที่นี่
ทุกวันอาทิตย์ และในวันธรรมดาจะมีพิธีทางศาสนาทุกวัน แต่โดยเฉพาะทุกวันอาทิตย์นั้นชาวบ้านต่างจะมารวมกันเกือบทั้งหมด ไม่ต่างกับการทำหน้าที่ของการมาโบสถ์ในวันอาทิตย์ ถือว่าเป็นแหล่งต้นกำเนิดของชาวบ้านที่มีความเชื่อเข้มแข็งมาก กลุ่มเด็กเยาวชน พ่อบ้าน แม่บ้าน มีมิสซังจากที่นี่ได้ออกไปเผยแผ่ศาสนาออกไปหลาย ๆแห่ง โดยไปฝั่งลาว ท่าแขก ดอนโดน ในฝั่งไทยก็แยกเป็นมิสซังอุบล มิสซังอุดร นครราชสีมา ท่าแร่ สกลนคร แยกออกไปจากจุดกำเนิดที่บรรดามิสชั่นนารีเหล่านั้นได้มาประกาศศาสนาในภาคอีสาน มาที่อุบล บุ่งกระแทวและมาที่ หนองแสงนครพนม ก่อนที่เป็นจุดศูนย์กลางที่เผยแพร่ธรรมจนถึงปัจจุบัน
พร้อมกันนี้ บาทหลวง สุรพงศ์ นาแว่น ได้กล่าวคำอวยพร เนื่องในโอกาสที่กำลังจะถึงวันคริสต์มาส วันที่พระเยซูเจ้ามาเกิด นำความสันติสุขมาสู่โลก นำพระพรมาสู่มวลมนุษยชาติ อยากให้พระพรแห่งวันเกิดมาของพระเยซูเจ้ากำเนิดมา วันคริสต์มาสนำพระพรถึงพี่น้องทุก ๆ คน ชาวไทยให้มีความสุขภายสุขใจ ในวันปีใหม่ให้พบปีใหม่ทั้งฝ่ายกาย และฝ่ายใจ ในปีที่ผ่านมาขอให้ผ่านพ้นไป พบแต่ความสุขในชีวิต
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: