นครพนม – “ผาเป้า” อยู่ในเขตรับผิดชอบของสถานีควบคุมไฟป่าอุทยานแห่งชาติภูผายล บนเทือกเขาภูพานน้อย บ้านโพนงาม หมู่ 6 ต.หนองบ่อ อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งมีทัศนียภาพความงามจากธรรมชาติรังสรรค์ได้อย่างลงตัว สูงจากระดับน้ำทะเล 547 เมตร มีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์ สภาพป่ามีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น และยังคงมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ คำว่า “ผาเป้า” มาจากบริเวณลานหินเป็นผาสูง สามารถมองเห็นได้ไกล ชาวบ้านที่อยู่อาศัยมักจะนำสัตว์เลี้ยง หากินในป่าลึกประจำ เวลาสัตว์เลี้ยงหายหรือหลงฝูง ชาวบ้านก็จะขึ้นมาที่บริเวณดังกล่าว เพื่อส่องหาสัตว์ของตนเสมอ จึงได้ชื่อว่า “ผาเป้า” ที่หมายถึงเป้าหมายของชาวบ้านที่มาตามหาสัตว์เลี้ยง ไม่ห่างกันมีผาสีแดง กล่าวคือผาหินนี้ถ้ามองมาจากฝั่งตรงข้ามจะเป็นสีแดงชัด จึงได้ชื่อว่า “ผาแดง” เคียงข้างอยู่กับผาเป้า เชิญชวนนักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสกับวิวทิวทัศน์อันสวยงาม
โดยผาเป้าเป็นจุดชมวิวแห่งใหม่ของจังหวัดนครพนม ที่นักท่องเที่ยวสายลุยไม่ควรพลาด ต้องขึ้นไปสัมผัสธรรมชาติ และชมทัศนียภาพจากบนยอดเขา การเดินทางขึ้นเขานั้นจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อสอบถามเส้นทางจุดที่สามารถขึ้นไปยังผาเป้าได้ แต่เพราะผาเป้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบ ไม่ต่างจากคล้ายสาวพรหมจรรย์ ทางที่จะขึ้นไปจึงมีแต่หินตะปุ่มตะป่าม เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่า ช่วยกันเบิกช่องทางพอรถออฟโรดยกสูงแล่นผ่านได้เท่านั้น ส่วนรถเก๋งหรือปิกอัพธรรมดาหมดสิทธิ์
สมาคมวิทยุสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชุปถัมภ์ ร่วมกับสมาคมนักวิทยุสมัครเล่นจังหวัดนครพนม และสมาคมนักข่าวจังหวัดนครพนม พร้อมพันธมิตรจากชมรมนักวิทยุฯสกลนคร มุกดาหาร จัดให้มีการทดสอบสัญญาณระบบสื่อสารผ่านวิทยุรับส่งใช้บนผาเป้า เพื่อใช้เป็นทางเลือกในการแจ้งเตือนภัยพิบัติยามฉุกเฉิน ในช่วงระบบการสัญญาณโทรศัพท์มือถือขัดข้อง เพื่อขอรับการช่วยเหลือด้านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข่าวน่าสนใจ:
รถยนต์ออฟโรดกว่า 20 คัน ต่างขนอุปกรณ์ในการสื่อสารเต็มอัตราศึก ซึ่งรถนำคันแรกเห็นเส้นทางแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน จึงวิทยุสื่อสารถามไถ่ ได้รับคำตอบว่าให้สังเกตผ้าสีเหลืองที่มัดตามโคนต้นไม้ นั่นคือเข็มทิศชี้ทางขึ้นสู่ผาเป้า ภายหลังทราบคำตอบจากพระครูรัตนกิตติญาณ เจ้าอาวาสวัดศรีนครานุรักษ์ บ้านดงบัง หมู่ 9 ต.หนองบ่อ ว่า ผ้าจีวรสีเหลืองนี้ท่านขอมาจากวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ที่ผู้ศรัทธาถวายห่มองค์พระธาตุพนม นำมาฉีกเป็นริ้วๆแล้วมัดติดกับต้นไม้ ชี้บอกเส้นทางจนถึงจุดหมายที่ผาเป้า แล้วต้นไม้ที่ท่านมัดนั้นจะเป็นไม้ประดู่ ไม้แดง ทั้งสิ้น
ทางขึ้นผาเป้ามีความหฤโหด ระยะทางประมาณ 7 กม. ใช้เวลาเกือบ 1 ชม. เพราะรถออฟโรดต้องค่อยๆแล่นไต่ระดับบนหิน บางจุดคล้ายร่องทางเดินน้ำ มีทั้งหินแยกหินลาดคละเคล้ากัน มีทางเรียบพอให้พักแรงบีบของหัวใจเล็กน้อย แล้วก็เจอทางแสนโหดต่อ ทั้งคนขับคนนั่งหัวสั่นหัวคลอนไปตามๆกัน มองไปทางไหนมีแต่ต้นไม้ขึ้นปกคลุมหนาแน่น ยังดีเจอคนในพื้นที่ใช้รถจักรยานยนต์แล่นผ่านมา ให้ถามทางเพื่อความมั่นใจ เมื่อถึงจุดหมายปลายทางทุกคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ข้างหน้าคือผาเป้าที่มีความเขียวขจีบ่งบอกถึงอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ บริเวณลานหินผาเป้าและผาแดง มีต้นมะก่อ(ภาษาถิ่น) ขึ้นอยู่เต็ม นอกจากนี้ยังมีต้นหมากหม้อที่พวกลิงป่าไต่ขึ้นจากหน้าผามาเด็ดผลกิน และยังมีร่องรอยของความซนตรงป้ายจุดชมวิวที่เจ้าลิงทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า
กลุ่มนักวิทยุสมัครเล่นฯ ที่มีทั้งนักวิทยุขั้นต้น กลาง และขั้นสูง ตั้งอุปกรณ์สื่อสารทดสอบสัญญาณ ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง ทุกอย่างก็เปิดใช้งาน โดยเฉพาะนักวิทยุสมัครเล่นขั้นสูง ทดลองสื่อสารโดยใช้นามเรียกขานที่ทางการตั้งให้ พูดคุยกับเพื่อนนักวิทยุสมัครเล่นฯครอบคลุมโซนเอเซียได้หมด ซึ่งการปีนตะลุยตั้งแคมปิ้งบนผาเป้าเพื่อทดสอบสัญญาณสื่อสารเป็นที่น่าพอใจ หากเกิดภัยพิบัติที่ไม่คาดฝัน ก็สามารถแจ้งเหตุผ่านเครือข่ายต่างๆได้ทั่วโลก
บรรยากาศบนผาเป้าเย็นสบาย เหมาะในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยเฉพาะหน้าหนาว รุ่งอรุณจะเห็นทะเลหมอกลอยขาวโพลน ราววิมานสวรรค์ของเหล่าเทวดานางฟ้า แต่ในขณะนี้ยังไม่ได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ ความสะดวกสบายด้านสุขภัณฑ์ห้องน้ำจึงมีห้องส้วม สำหรับถ่ายทุกข์อย่างเดียว โดยนายศรี ศรีพุทธรินทร์ นายอำเภอนาแก เตรียมจะของบประมาณมาพัฒนา อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวอยากทดสอบเส้นทางสายโหด ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชม. โดยพระครูรัตนกิตติญาณ พระนักอนุรักษ์จะมีแหวนพิรอด ที่ทำจากหวายหางหนู ป้องกันสัตว์มีพิษไว้ติดตัวกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: