นครพนม – วันที่ 23 ม.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า จากเหตุการณ์ฆ่า 2 ศพถ่วงแม่น้ำโขง ซึ่งผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันชัดว่าเป็นศพคนสนิทของนายสุรชัย (แซ่ด่าน) ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำคนเสื้อแดง คือนายชัชชาญ บุปผาวัลย์ หรือสหายภูชนะ อายุ 54 ปี พื้นเพเป็นชาว อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร อดีตการ์ด นปช. กลุ่มคนเสื้อแดง ผู้ต้องหาคดีด้านความมั่นคงที่เกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตุระเบิด ปี 2557 และนายไกรเดช ลือเลิศ อายุ 47 ปี ชาว อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งมีความสนิทสนมกับนายสุรชัย (แซ่ด่าน) ด่านวัฒนานุสรณ์ ตั้งแต่ปี 2551 และนับถือกันเหมือนพ่อลูก โดยทั้งสามคนต่างขอลี้ภัยทางการเมืองไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. 57 ที่มีการประกาศกฎอัยการศึก
ล่าสุดมีข่าวว่าญาติของผู้ตายทั้งสอง ได้ติดต่อขอรับศพที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ กทม. นำกลับไปบำเพ็ญกุศลยังบ้านเกิดนั้น แหล่งข่าวเผยว่าขณะนี้ศพของบุคคลทั้งสองยังไม่มีการนำออกไป เพราะจะต้องตรวจรายละเอียดทางนิติวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม โดยทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งพื้นที่ สภ.ธาตุพนม และ สภ.เมืองนครพนม จะได้เชิญญาติของผู้ตายมาสอบปากคำ ซึ่งมีการติดต่อประสานงานกันตลอด แต่ทางญาติขอให้ปกปิดที่อยู่ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ เพราะไม่อยากเป็นข่าว
ทางด้าน พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยเพียงสั้นๆว่า ยังไม่ความคืบหน้ามากนัก จะต้องสืบสวนสอบสวนหารายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนศพทั้งสองจะถูกฆ่านอกราชอาณาจักรหรือไม่ ก็ยังตอบไม่ได้เช่นกัน
จากประวัติของสหายกะสะลองหรือนายไกรเดช เป็นคนเงียบขรึม เชี่ยวชาญระบบไอที จึงกลายเป็นผู้ควบคุมการถ่ายทอดสดผ่านออนไลน์ให้นายสุรชัย ส่วนสหายภูชนะหรือนายชัชชาญ มีภรรยาชื่อ น.ส.จันทนา วรากรสกุลกิจ ทั้งคู่เป็นการ์ด นปช. ปี 2557 ศาลอาญาจังหวัดลพบุรี ได้ออกหมายจับทั้ง 2 คนในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวัตถุระเบิด เครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และผลิตวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ต่อมาตำรวจจับกุม น.ส.จันทนา วรากรสกุลกิจ ได้ภายในห้องเช่าย่าน จ.สมุทรสาคร พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมาก กระทั่งวันที่ 18 กันยายน 2558 ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่ น.ส.จันทนาฯตกเป็นจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 27 ปี 9 เดือน ปรับ 6,000 บาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 17 ปี 8 เดือน ปรับ 4,000 บาท ขณะนี้ยังถูกจองจำอยู่ในเรือนจำ ส่วนสหายภูชนะผู้เป็นสามีหลบหนีไปพร้อมกับนายสุรชัยและสหายกาสะลอง
