วันที่ 15 ม.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.30 น. พล.ท.ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์จากค่ายสุรนารี นครราชสีมา เพื่อเปิดอบรมโครงการประวัติศาสตร์ชาติไทย และบุญคุณของแผ่นดินพระมหากษัตริย์ไทย ระหว่างวันที่ 15-17 ม.ค.61 โดยการศึกษานอกโรงเรียนนครพนม(กศน.ฯ) ณ โรงแรมไอโฮเทล จ.นครพนม มี นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผวจ.ฯ พล.ต.สมชาย ครรภาฉาย ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง(มทบ.210) พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม น.อ.ภาณุ รัตนนันทวาที รองผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง(นรข.) และคณะครูจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศให้การต้อนรับ
น.ส.ประดินันท์ สดีวงศ์ รองเลขาฯ กศน. กล่าวถึงการจัดอบรมครั้งนี้ว่าเพื่อเป็นการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ให้กับบุคลากรของหน่วยงานในสังกัด กศน.นครพนม เพราะเป็นหน่วยงานดำเนินการด้านการส่งเสริม สนับสนุนจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ให้กับประชาชนผู้ด้อยโอกาส เยาวชน และประชาชนทั่วไป จึงตระหนักถึงความสำคัญในการที่จะใช้การศึกษา และการเรียนรู้เป็นกระบวนการสร้างระบบความรู้ ความเข้าใจ เพื่อนำไปขยายผลให้กับผู้เรียน กศน. ฯลฯ ในการสร้างทัศนคติที่ถูกต้อง และเข้าใจในเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์และประวัติศาสตร์ชาติไทยได้อย่างถูกต้อง
“การอบรมครั้งนี้ มีผู้เข้าอบรมจำนวน 140 คน ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสถานศึกษา ข้าราชการครู และครู กศน.ระดับตำบล พร้อมกำลังพลจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครพนม 5 นาย จาก มทบ.210 จำนวน 15 นาย โดยจะนำความรู้ที่ได้รับขยายผลไปยัง นักศึกษา กศน. และประชาชนในพื้นที่ต่อไป” น.ส.ประดินันท์ฯกล่าว
จากนั้น พล.ท.ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางต่อไปยังลานพนมนาคา พญาศรีสัตตนาคราช ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม เพื่อฟังการบรรยายสรุปความคืบหน้าการจัดระเบียบพื้นที่รุกล้ำริมฝั่งแม่น้ำโขง จาก นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผวจ.ฯ ซึ่งมีการรุกล้ำที่สาธารณะประโยชน์ ทั้งน้ำท่วมถึง และท่วมไม่ถึง เช่นเพราะเลี้ยงปลาในกระชัง ร้านอาหาร และที่พักอาศัย กว่า 200 ราย สามารถทำความเข้าใจกับชาวบ้านเลี้ยงปลาในกระชังจนออกใบอนุญาตฯครบ 134 ราย และประชาชนพึงพอใจที่ คสช.ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 32/2560 เรื่อง การบรรเทาความเสียหายให้แก่ประชาชน ในกรณีปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำลำน้ำ และจัดระเบียบเรือประมงพื้นบ้านได้ครบ 44 ราย นอกจากนี้ยังได้เยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบ ที่มีฐานะยากจนไม่มีที่อยู่อาศัย 5 ราย ผลเป็นที่น่าพอใจ
