วันที่ 24 ม.ค.61 เวลาประมาณ 08.00 น. ริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณด่านศุลกากร จุดผ่อนปรนไทย-ลาว หน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระพรหมเสนาบดี เจ้าคณะภาค 7 และกรรมการมหาเถระสมาคม พร้อม พระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสฯ และเจ้าคณะจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ฝ่ายฆราวาสมี นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พล.ท.สนธยา ศรีเจริญ รองแม่ทัพภาค 2 และหัวหน้าส่วนราชการ นำพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย ลาว และข้าโอกาสพระธาตุพนม ร่วมประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตจากริมแม่น้ำโขง โดยจะแห่ไปตามถนนกุศลรัษฎากร เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ วิหารหอพระแก้ว ภายในวัดพระธาตุพนมฯ ซึ่งเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ
พิธีเริ่มตามฤกษ์พระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา จากนั้นนายสมชายฯ ผวจ.ฯ กล่าวคำอัญเชิญพระอุปคุต โดยมีผู้ดำน้ำลงไปอัญเชิญ จำนวน 5 คน ประกอบด้วย พล.ต.สมชาย ครรภาฉาย ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210(มทบ.210) นายดำรงค์ สิริวิชย อิ่มวิเศษ รอง ผวจ.ฯ พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม น.ท.บรรพต มุ่งหามณี หัวหน้าสถานีเรือธาตุพนม หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง(นรข.) และ นายอติชาต อุณหเลขกะ นายอำเภอธาตุพนม เพื่อนำมาส่งให้แก่นายสมชายฯผวจ.ฯที่ยืนรออยู่บนประรำพิธี พิธีสำคัญนี้จะจัดขึ้นทุกปี ก่อนเปิดงานนมัสการองค์พระธาตุพนม หรืองานบุญเดือนสาม เพื่ออาราธนาขอให้พระอุปคุต พระอรหันต์ผู้มีฤทธานุภาพมาก ซึ่งอยู่ในยุคสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช หรือหลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้ว 200 ปี ตำนานเล่าว่าเป็นพระที่ถือศีลปฏิบัติธรรมใต้บาดาล หรือสะดือทะเล การอัญเชิญสมมุติว่าแม่น้ำโขงคือสะดือทะเลที่พระอุปคุตจำศีลภาวนา มาช่วยคุ้มครองปกปักรักษา ปกป้องภยันตรายไม่ให้เกิดขึ้นจนกว่างานนมัสการองค์พระธาตุพนมจะสำเร็จลุล่วงตลอด 9 วัน 9 คืน ซึ่งในปีนี้ทางจังหวัดกำหนดจัดงานนมัสการฯขึ้น ระหว่างวันที่ 24 ม.ค.-1 ก.พ.ในริ้วขบวนแห่ถนนกุศลรัษฎากรเนืองแน่นด้วยเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งไทยและต่างประเทศ โรยดอกไม้หอมตลอดเส้นทางการอัญเชิญ
ส่วนในช่วงบ่าย เวลา 13.30 น. จะเป็นพิธีเปิดงานนมัสการพระธาตุพนมอย่างเป็นทางการ พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เจ้าคณะจังหวัดนครพนม นำประกอบพิธีสักการะบูชา เวียนเทียนองค์พระธาตุพนม นายสมชายฯผวจ.นครพนม รับฟังการกล่าวรายงานจาก นายอภิชาต อุณหเลขกะ นายอำเภอธาตุพนม จากนั้นชมรำตำนานพระธาตุพนม ที่ปรับปรุงมาจากการฟ้อนรำแห่กองบุญ ในเทศกาลงานนมัสการพระธาตุพนม โดยนำเอาบทสวดสดุดีองค์พระธาตุพนม ทำนองสรภัญญะ มาประกอบกับวงดนตรีมโหรี ซึ่งกล่าวถึงตำนานและความพิสดารขององค์พระธาตุพนม การรำชุดนี้แสดงครั้งแรกในงานสมโภชพระธาตุพนมองค์ใหม่ พ.ศ. 2522 ถือเป็นเอกลักษณ์ใช้รำเปิดงานนมัสการพระธาตุพนมทุกครั้งจนถึงปัจจุบัน ภายหลังได้นำมารำบูชาพระธาตุพนม ในงานประเพณีไหลเรือไฟของจังหวัดนครพนม ตั้งแต่ พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา
พระธาตุพนม ถือเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมายาวนาน ตำนานกล่าวว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ.8 มีอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ภายในมีการบรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้าไว้เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ และคนที่เกิดปีวอก ซึ่งงานนมัสการองค์พระธาตุพนมถือเป็นประเพณีสำคัญสืบทอดมาอย่างยาวนานแต่โบราณกาล
ข่าวน่าสนใจ:
- ผู้กำกับ สภ.บางเสาธง เชิญตัวคู่กรณีทั้งสองฝ่ายพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่รถชนกันแล้วมีอ้างรู้จักตำรวจ
- ระทึก เพลิงไหม้บ้าน 2 ชั้นวอดทั้งหลัง น้องแมว 7 ชีวิต รอดตายหวุดหวิด โดย 3 ตัวโดนไฟลวกบาดเจ็บ
- พะเยา หนุ่มจ่ายบิลไฟฟ้าหัวร้อนกระบองเหล็กเขวี้ยงสุนัขถูกกระจกบ้านเสียหายขับรถ จยย หลบหนี
- กาญจนบุรี พิธีตักบาตรพระ 10,000 รูป ฉลองตั้งเมือง 193 ปี พร้อมอุทิศส่วนกุศลแด่บรรพบุรุษผู้มีพระคุณต่อประเทศชาติ
โดยชาวพุทธในภาคอีสานของประเทศไทยและลาว เชื่อถือสืบกันมาว่าถ้าใครมีโอกาสเดินทางไปกราบไหว้พระธาตุพนม ถวายเครื่องสักการะบูชาหน้าองค์พระธาตุด้วยตนเองแล้ว จิตใจจะสงบเยือกเย็นอย่างน่าอัศจรรย์ ถ้ายังไม่บรรลุนิพพานในชาตินี้ เมื่อเสียชีวิตไปแล้ววิญญาณก็จะได้ไปสู่สรวงสวรรค์ ชาวพุทธในถิ่นนี้ถือกันว่าองค์พระธาตุพนมไม่เพียงแต่จะเป็นเจดีย์ที่บรรจุพระอุรังคธาตุเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเมื่อยังทรงพระชนม์อยู่ ได้เสด็จมาประทับแรมอยู่หนึ่งราตรีอีกด้วย ทำให้ทุกปีจะมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศของไทยและเทศ ต่างดั้นด้นเดินทางกันมาร่วมพิธีมากมายนับแสนคน จัดเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน
ส่วนคำว่า”ข้าโอกาส” นั้น กล่าวกันว่าเกิดขึ้นในสมัยเจ้าพระยาสุมิตตธรรมวงศาผู้ครองเมืองมรุกขนคร ประมาณ พ.ศ.500 ทรงมีความเสื่อมใสศรัทธาต่อพระธาตุพนม จึงเกณฑ์ไพร่พลร่วมกันบูรณะจนแล้วเสร็จ จึงเกิดคำว่า”ข้าโอกาส” เป็นข้าอุปัฏฐากพระธาตุพนม ติดปากมาถึงปัจจุบัน เขตที่อยู่ของข้าโอกาสพระธาตุพนม คือพื้นที่ อ.ธาตุพนม เรณูนคร นาแก จ.นครพนม และ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร พื้นเพเป็นชาติพันธุ์ไทย-ลาว ผู้ไทย(ภูไท) อาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ มีองค์พระธาตุพนมเป็นศูนย์กลาง ประกอบอาชีพทำการเกษตร ทำนา ทำไร่ ยึดถือประเพณีตามฮีต 12 คอง 14 ของชาวอีสาน ให้ความเคารพนับถือผู้อาวุโส มีประเพณีเฉพาะกลุ่ม ได้แก่พิธีถวายข้าวพีชภาค คือผลผลิตทางการเกษตร ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด กล้วย อ้อย และผลผลิตที่ได้จากที่ดินของวัด เรียกว่า”นาจังหัน(ที่ดินที่มีผู้ถวายให้กับวัด)” พิธีเลี้ยงผีเจ้า 3 เรือน มีความเชื่อในเรื่องบาป บุญ สิ่งเหนือธรรมชาติ ทำหน้าที่ดูแลรักษาองค์พระธาตุพนมด้วยการถวายทาน และจัดกิจกรรมบำเพ็ญกุศลตามวันสำคัญทางศาสนา ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงประกาศเลิกทาส ข้าโอกาสก็จางหายไป แต่ยังมีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าข้าโอกาส นำข้าวพีชภาคมาถวายแด่องค์พระธาตุพนมทุกปี สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและศรัทธาของคนในลุ่มแม่น้ำโขงทั้งไทยและลาว โดยยึดองค์พระธาตุพนมเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ยึดเหนี่ยวจิตใจคนสองฟากฝั่งตลอดมา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: