นครพนม – ที่บ้านนาโดน ต.ขามเฒ่า อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม ขณะนี้ชาวสวนลิ้นจี่ได้รับผลกระทบจากอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ลิ้นจี่ไม่ออกผลเท่าที่ควร โดยนางเปรียปรี ตันติถาวรกุล ชาวสวนลิ้นจี่บ้านนาโดน เปิดเผยว่า ตนมีสวนลิ้นจี่ประมาณ 2 ไร่ ซึ่งทำมานานกว่า 20 ปี ทุกครั้งเมื่อถึงช่วงเดือนเมษายนของทุกปี จะสามารถเก็บผลผลิตส่งขายได้ โดยจะมีพ่อค้าคนกลางจาก กทม. มารับซื้อถึงสวนในราคากิโลกรัมละ 70-100 บาท รวมถึงพ่อค้าคนกลางจากประเทศจีนด้วย แต่ปีนี้มีจำนวนลิ้นจี่ไม่เพียงพอที่จะส่งออกขาย จึงทำให้ราคาลิ้นจี่ปีนี้ค่อนข้างสูง ตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 150 บาท นางเปรียปรี ยังกล่าวต่ออีกว่า หากช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมามีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง 1-2 สัปดาห์ ลิ้นจี่น่าจะออกดอกมากพอสมควร และจะให้ผลผลิตในช่วงเดือนเมษายนอย่างเต็มที่ แต่ปรากฎว่าเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาพบอากาศหนาวเข้ามาในเวลาอันสั้น จึงส่งผลให้ลิ้นจี่ไม่ออกผลผลิต
ส่วนแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ นพ 1 นครพนม ขณะนี้ทางจังหวัดนครพนม โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม ได้หาทางออกให้กับชาวสวนลิ้นจี่ ด้วยการรวมกลุ่มของเครือข่ายพี่น้องเกษตรกร โดยส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่มีรายได้อีกทางด้วยการตอนกิ่งลิ้นจี่ขาย ซึ่งทางเกษตรจังหวัดเป็นผู้หาตลาดให้กับพี่น้องชาวสวนลิ้นจี่ ขณะนี้พบว่ามีออเดอร์เข้ามาถึง 5 พันกิ่ง
ด้านนายวินัย คำสุจริต ชาวสวนลิ้นจี่บ้านขามเฒ่า ต.ขามเฒ่า อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม บอกว่า ตนทำสวนลิ้นจี่จำนวน 3 ไร่ แต่พบว่าปีนี้ได้ผลผลิตประมาณ 120 กิโลกรัมเท่านั้น จึงได้รวมกลุ่มกับเพื่อนที่ปลูกลิ้นจี่ด้วยกัน ตอนกิ่งลิ้นจี่ขาย เพราะคนส่วนใหญ่สนใจต้องการปลูกลิ้นจี่ โดยเฉพาะลิ้นจี่พันธุ์ นพ 1 ของนครพนม ถือว่าเป็นพันธุ์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของรสชาติที่มีความหวานอมเปรี้ยว ไม่ฉ่ำน้ำ มีลูกขนาดใหญ่ แถมยังปลูกง่ายได้ผลดีอีกด้วย ซึ่งตนได้เริ่มทำการตอนกิ่งมาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนแล้ว และพบว่ามีออเดอร์ทางออนไลน์มากถึง 5 พันกิ่ง ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มคนที่อยู่ทางภาคอีสานและภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สามารถปลูกลิ้นจี่ได้ โดยกิ่งใหญ่ขายในราคา 200 -1,500 บาท/กิ่ง ส่วนกิ่งเล็กขายในราคา 50 บาท/กิ่ง ใช้เวลาปลูก 3-4 ปี ได้ผลผลิต คาดว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสามารถช่วยเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนจัดให้ได้มีรายได้อีกทาง
