นครพนม – วันที่ 26 เมษายน 2562 ที่บริเวณวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม จังหวัดนครพนมประกอบพิธีสรงน้ำพระราชทานพระธาตุพนม ประจำปี 2561 โดยพระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พี่น้องประชาชน ประกอบพิธีอัญเชิญเครื่องราชสักการะในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาในพระราชพิธีสรงน้ำพระราชทาน องค์พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ประจำปี 2562
โดยนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานฝ่ายฆราวาสได้นำทุกคนประกอบพิธี จุดธูปเทียน บูชาพระรัตนตรัย จากนั้นพระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนมและเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร นำสวดเจริญชัยมงคลคาถา ก่อนที่จะอัญเชิญน้ำพระราชทาน ไปสรงองค์พระมหาจักรพรรดิ พระประธานที่สถิตย์อยู่ในองค์พระธาตุพระพนม จากนั้นสรงน้ำพระราชทานไปรอบองค์พระธาตุพนมทั้ง 4 ทิศ ซึ่งเมื่อสรงน้ำพระราชทานที่องค์พระธาตุพนมเสร็จ ได้อันเชิญไปสรงน้ำพระราชทานพระองค์แสนศาสดา พระประธานในพระอุโบสถ พร้อมทั้งเปลี่ยนผ้าแพรแดงประจำองค์ และถวายเครื่องราชสักการะ ประกอบด้วย แพรแดงติดขลิบ น้ำหอม ต้นไม้ทอง ต้นไม้เงิน ธูปไม้ระกำ และเทียน จากนั้นได้อันเชิญน้ำสรงพระราชทานไปสรงพระมารวิชัยศาสดา ที่อยู่บริเวณหอพระแก้ว และนำน้ำสรงพระราชทาน มาผสมกับน้ำในตุ่มที่ตั้งอยู่รอบหอพระแก้วทั้ง 4 ทิศ เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนนำไปสรงองค์พระธาตุพนม และจังหวัดนครพนมได้นำน้ำสรงพระราชทานบางส่วนมอบให้หน่วยงานราชการ องค์กร หมู่บ้าน ชุมชน ได้นำไปสรงพระพุทธรูปในสถานที่ทำงาน บ้านเรือน ในชุมชนต่างๆ รวมทั้งเก็บไว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต
สำหรับการสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุ นั้นเป็นประเพณีความเชื่อดั้งเดิม มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งนิยมกระทำเป็นประจำทุกปี เปรียบเสมือนการได้สรงน้ำพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ทั้งหลาย โดยจะกระทำในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา หรือวันงานเทศกาลประจำปี เช่น วันสงกรานต์ และวิธีปฏิบัติในการสรงน้ำก็จะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความเชื่อและความศรัทธาของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่นิยมนำเอาเครื่องหอม ข้าวตอกดอกไม้ และน้ำสะอาดหรือน้ำที่เจือด้วยน้ำหอมมาสรง โดยการราดน้ำไปบนองค์พระเจดีย์ เนื่องจากองค์พระบรมธาตุส่วนใหญ่จะบรรจุอยู่ใต้ฐานพระเจดีย์
