นครพนม – ชาวบ้านห้วยพระ ร่วมตรวจสอบแนวเขตหลังนายทุนขอรังวัดสอบเขตที่ดินมีปัญหารุกล้ำที่ชาวบ้านและที่สาธารณะ พบแนวเขตรุกล้ำชัดเจนเตรียมแจ้งทางการดำเนินคดี
เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2562 ชาวบ้าน บ้านห้วยพระ ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ได้รวมตัวกันออกร่วมตรวจสอบแนวเขตที่ดินสาธารณะโดยมีนายพันธ์ ชมพูพระ ผู้ใหญ่บ้าน พาชาวบ้านตรวจสอบการรังวัดที่ดินเพื่อตรวจสอบแนวเขตที่ดินของบริษัทเกษตรปิยมิตร จำนวน 14 แปลงที่มีปัญหาออกทับซ้อนที่สาธารณะและที่ดินทำกินของชาวบ้าน ห้วยพระ หมู่ 9 และหมู่ 14 ตำบลท่าจำปา อ.ท่าอุเทนจังหวัดนครพนม
โดยจุดแรกที่ทำการรังวัดสอบเขตอยู่บริเวณแปลงที่ดินที่ติดกับที่สาธารณะห้วยหลงและห้วยบ่อ โดยแนวเขตที่ดินตามโฉนดได้รุกล้ำเข้าไปในลำห้วย นอกจากนี้ยังพบว่าได้มีการนำเครื่องจักรเข้ามาขุดและถมทำทางเพื่อพยายามเปลี่ยนแปลงสภาพของลำห้วยให้ดูเหมือนเป็นที่ดินที่น้ำท่วมไม่ถึง โดยมีการขุดระบายน้ำออกจนแห้ง และทำคันคูสูงเป็นทางเดินและกั้นน้ำไม่ให้ไหลถึงกัน ซึ่งชาวบ้านต่างเห็นตรงกันว่า เป็นการกระทำที่รุกล้ำ ที่สาธารณะประโยชน์ที่ชาวบ้านใช้ร่วมกันจนมีสภาพเปลี่ยนแปลงไป จึงมีความเห็นพ้องต้องกันว่าจะแจ้งให้ทางนายอำเภอท่าอุเทน รับทราบ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายกับผู้บุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ต่อๆไป
โดยทางบริษัทเกษตรปิยมิตร ได้ยื่นคำร้องขอรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินที่ตนเองมีชื่อครอบครองอยู่ในบริเวณพื้นที่หมู่ 9 และหมู่ 14 ต.ท่าจำปา จำนวน 16 แปลง ซึ่งในจำนวนนี้มี ถึง 14 แปลงที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมที่ดินรายงานว่า มีการออออกหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากออกทับที่สาธารณะ ประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จึงเห็นควรส่งเรื่องให้กรมที่ดิน สั่งเพิกถอนโฉนดที่ออกโดยผิดพลาดคลาดเคลื่อนทั้งหมดตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แต่เนื่องจากที่ดินบริเวณที่มีปัญหามีพื้นที่ค่อนข้างกว้างและมีเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินเป็นจำนวนมาก กรมที่ดินจึงมีคำสั่งที่ 30/2560 ลงวันที่ 9 มกราคม 2560 แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบ ข้อเท็จจริงให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและให้เป็นที่ยุติ โดยให้คณะทำงานสรุปข้อเท็จจริงโดยแบ่งประเภทเป็นรายกลุ่มตามประเด็นความชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายพร้อมความเห็นส่งให้กรมที่ดินพิจารณา ดำเนินการซึ่งหลังจากมีการตรวจสอบจากเอกสารสาระบบที่ดินเปรียบเทียบกับระวางแผนที่รูปถ่ายทางอากาศ และรายการรังวัดต่าง ๆ แล้วปรากฏว่ามีที่ดินเป็นจำนวนมากออกโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยหลายแปลงออกโฉนดที่ดินโดยมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นกว่าหลักฐานเดิม และที่ดินข้างเคียงเปลี่ยนแปลงไม่สอดคล้องสัมพันธ์กัน มีการรังวัดรวมเอาที่ดินของผู้อื่นเข้าไปด้วยและไม่ตรงตามตำแหน่งของที่ดินตามหลักฐานเดิม อีกทั้งบางฉบับยังออกทับที่สาธารณะประโยชน์ห้วยบ่อ ห้วยหลง และห้วยจ่องล่องรวมถึงหนองน้ำสาธารณะประโยชน์ อันเป็นลักษณะที่ดินต้องห้ามไม่ให้ออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน นอกจากนั้นยังพบว่ามีใบจอง (น.ส. 2)บางฉบับที่นำมาออกโฉนด ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายอีกด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน ชัดเจนและเป็นที่ยุติเสนอต่อกรมที่ดินเพื่อพิจารณาใช้มาตรา 61 สั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายและผิดพลาดคลาดเคลื่อนต่อไป
