นครพนม – วันที่ 12 มิ.ย.62 เวลา 14.00 น. นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รอง ผวจ.นครพนม นำทีมผู้กำกับภาพยนตร์และช่างภาพชั้นนำของเมืองไทย อาทิ “อุ๋ย”นนทรี นิมิบุตร ผู้กำกับหนังชื่อดัง นายอภินันท์ บัวหภักดี ช่างภาพ นักเขียนสารคดีท่องเที่ยว อดีต ผอ.กองวารสารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และบรรณาธิการอนุสาร อ.ส.ท. นายอดุล ตัณฑโกศัย สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคุณปาริชาติ บริสุทธิ์ นักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง ร่วมแถลงข่าวการประกวดหนังสั้น และภาพถ่ายส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อ “ออนซอนเด้ เสน่ห์นครพนม” เพื่อนำไปแพร่ภาพเสนอแหล่งท่องเที่ยว ประเพณี วัฒนธรรมพื้นบ้าน วิถีชีวิตชาติพันธุ์ 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ และภูมิปัญญาของคนในจังหวัดนครพนม
นางวิไลวรรณฯ กล่าวว่าการนำศาสตร์และศิลปะถ่ายภาพ ทำเป็นหนังสั้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นกิจกรรมบูรณาการ เป็นการสนับสนุนเยาวชนและประชาชน ในการแสดงออกทางศิลปะสื่อสร้างสรรค์ที่เหมาะสมกับยุคสมัย จะเป็นการเชื่อมโยงรากเหง้าแห่งวัฒนธรรมสู่สาธารณะในโลกยุคปัจจุบัน เป็นเรื่องที่งดงามและน่าภาคภูมิใจ “จังหวัดนครพนมมีสิ่งสวยงามมากมาย ใครมาแล้วต้องหลงใหลในเสน่ห์ทุกคน” รอง ผวจ.ฯกล่าว
นายคมสัน นิลยองตระกูล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม (ทกจ.ฯ) ซึ่งเป็นเจ้าภาพงานประกวดดังกล่าวเผยว่า นครพนมมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายทั้งทางธรรมชาติ โบราณสถานและวัตถุ นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายของชาติพันธุ์ ที่เหมาะสมในการนำเสนอเป็นทั้งภาพถ่ายและหนังสั้น
ด้าน คุณอุ๋ย นนทรีย์ ผู้กำกับหนังมือทองสมองเพชร กล่าวถึงการตอบรับเป็นกรรมการตัดสินหนังสั้นครั้งนี้ว่า ไม่มีการคัดแยกว่าเป็นมือสมัครเล่นและหรือมืออาชีพ ขั้นตอนเปิดรับสคริปและเวิร์คช็อป ประชุมเชิงปฏิบัติการ 1 วัน แล้วรับเรื่องย่อให้คณะกรรมการคัดเลือก คาดจะมีคนส่งผลงานให้เลือกไม่น้อยกว่า 100 คน ซึ่งจะคัดให้เหลือเพียง 5 ชิ้นงาน จากนั้นจะมีผู้กำกับภาพยนตร์ 5 คน เป็นพี่เลี้ยง เช่น คุณปรัชญา ปิ่นแก้ว คุณบัณฑิต ทองดี คุณธนิตย์ จิตนุกูล เป็นต้น “แม้เราจะเป็นเพื่อนกัน แต่เรื่องงานแล้วไม่มีใครยอมใครแน่ครับ” อุ๋ย นนทรี กล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
- ศค.จชต. สร้างการรับรู้สัญจร เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการศึกษา “เรียนดี มีความสุข”…
- ทนายเกรียง พา สาวนักแข่งรถจักรยานยนต์ทีมชาติไทย แจ้งความดำเนินคดีกับนายกสมาคม ข้อหาหมิ่นประมาท และ พรบ.คอม
- ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา>ชาวพุทธ+ทพ.48 ร่วมทอดผ้าป่า
- เดือดกลางวอล์กกิ้ง ปมขัดแย้งร้านบีบีกัน ควงมีด ควงปืน หมายเปิดศึก พลเมืองดีห้ามวุ่น หวั่นนทท.ถูกลูกหลง
นายอภินันท์ฯ อดีตบรรณาธิการอนุสาร อ.ส.ท. เผยว่า มนต์เสน่ห์ของนครพนมมีมากมาย แต่ว่าช่างภาพจะถ่ายทอดนำเสนอให้มีคุณค่าและประทับใจแค่ไหนนั้น อยู่ที่มุมมองและจังหวะกดชัตเตอร์ของแต่ละท่าน
ส่วนนายอดุลฯ จากสมาคมถ่ายภาพฯ ให้ความเห็นว่า การประกวดภาพถ่ายนั้น อยากให้ผู้ส่งผลงานเข้ามา คำนึงถึงหัวข้อ วัตถุประสงค์ ทั้งกติกา ซึ่งจะเป็นกรอบในการคัดเลือกงานให้ตรงกับเป้าหมาย นครพนมเพียบพร้อมด้วยมนต์เสน่ห์ทุกอย่าง รอเพียงพวกท่านมารังสรรค์เสน่ห์เหล่านั้นบันทึกบนภาพถ่ายเท่านั้น
ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม จึงเชิญชวนส่งผลงานหนังสั้น หรือ ภาพถ่าย เข้าประกวดชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 400,000 บาท ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ออนซอนเด้ เสน่ห์นครพนม” โดยหนังสั้นแยกออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.ความยาวไม่น้อยกว่า 20 นาที และ 2.ความยาวไม่น้อยกว่า 3 นาที ภายในวันที่ 19 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ส่วนหลักเกณฑ์ของการประกวดภาพถ่าย หัวข้อการประกวด ประกอบด้วย 1.แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ 2.แหล่งท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรม 3.เทศกาลงานประเพณีท้องถิ่น 4.วัฒนธรรมวิถีชีวิต และ 5.กีฬาละนันทนาการ โดยผู้เข้าประกวด 1 คน สามารถส่งภาพเข้าประกวดได้ไม่เกินหัวข้อละ 5 ภาพ ซึ่งผู้สนใจสอบถามรายละเอียดการส่งผลงานได้ที่ Facebook/onsondae และส่งผลงานในช่องทาง email:[email protected] โดยมอบรางวัลและแสดงผลงานในวันที่ 6-7 ก.ย.62 ณ ลานตะวันเบิกฟ้า ริมฝั่งโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม ซึ่งหนังสั้นทั้ง 5 เรื่องที่เข้ารอบ จะนำไปเผยแพร่เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกมาเที่ยวในจังหวัดนครพนม
“อุ๋ย” นนทรีย์ นิมิบุตร เป็นทั้งผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้อำนวยการสร้าง และนักเขียนบทภาพยนตร์ นับได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกวงการภาพยนตร์ยุคใหม่ของไทย ตั้งแต่ที่ได้กำกับเรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง ออกฉายเมื่อ พ.ศ. 2540 และหนังเรื่องนี้ทำรายได้ในไทยถึง 75 ล้านบาท ต่อมาสร้างความฮือฮาในภาพยนตร์เรื่องนางนาก ซึ่งหนังเรื่องนี้ ได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับหนังสยองขวัญของไทยแนวใหม่ ด้วยการนำเรื่องเล่าท้องถิ่นที่เคยรู้จักกันดีอยู่แล้ว มาเสนอในรูปที่แปลกใหม่กว่าหนังผีเดิมๆที่เคยทำกันมาในยุคก่อน หนังเรื่องนี้การสร้างรายได้ถึง 149 ล้านบาท และมีผู้ชมชื่นชอบแทบทุกวัย ได้รับรางวัลในประเทศมามากมาย
ซึ่งหลังจากที่หนังทั้ง 2 เรื่องนี้ได้ฉายไป ถือได้ว่าเป็นการฟื้นฟูอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทย ที่ซบเซามาอย่างนานถึงเกือบ 10 ปี ให้กลับมามีชีวิตชีวาใหม่อีกครั้ง และทำให้มีหนังไทยแนวใหม่ๆ ออกฉายมากขึ้นกว่ายุคก่อนๆ ถือว่า”อุ๋ย นนทรี” ช่วยฟื้นฟูให้อุตสาหกรรมหนังไทยเข้าถึงกลุ่มคนดูยุคใหม่ ๆ มากขึ้น หลังจากที่ยุค พ.ศ. 2530 – 2540 หนังไทยอยู่ในภาวะตกต่ำมาเป็นเวลานาน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: