นครพนม – กรณี ผศ.ดร.เพ็ญศิริ ดำรงภคภากร ถูกมหาวิทยาลัยนครพนมตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกรณียืมจักรยานปั่นออกกำลังกายไปใช้ที่บ้านพักประจำตำแหน่ง พร้อมมีหนังสือสั่งพักราชการ ดร. เพ็ญศิริ ระหว่างถูกสอบด้วยนั้น เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ดร.เพ็ญศิริ ผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า จักรยานปั่นออกกำลังกายดังกล่าวได้ตั้งไว้บริการนักศึกษาและบุคลากร ตามจุดต่าง ๆ ในวิทยาลัย และเครื่องที่เป็นเหตุคือ เครื่องที่ตั้งไว้ที่ห้องรับรองผู้บริหาร ชั้น 9 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ ตนเห็นว่าเครื่องที่ตั้งอยู่ที่ห้องรับรองผู้บริหารชั้น 9 นั้นไม่ค่อยมีคนใช้ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ย้ายไปตั้งที่หน้าบ้านพักประจำตำแหน่งคณบดีแทนซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถมาใช้ได้ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าเอามาตั้งไว้เฉย ๆ โดยไม่คาดคิดว่าผู้มีอำนาจจะใช้เรื่องดังกล่าว ตั้งเป็นข้อกล่าวหาถึงขั้นสั่งพักราชการเพราะผิดวินัยร้ายแรง โดย ผศ.ดร.เพ็ญศิริฯ กล่าวว่าเป็นสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการโดย ไม่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ก็ได้บอกกล่าวกับผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เพียงแต่การดำเนินการไม่ครบถ้วนตามข้อกำหนดฯเท่านั้น
หลังจากโดนกลั่นอย่างไม่เป็นธรรม ผศ.ดร.เพ็ญศิริฯ จึงมีหนังสือร้องทุกข์กรณีถูกสั่งให้พักราชการต่อคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์และร้องทุกข์(ก.อ.ร.) หลังเคยยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ร้องทุกข์และพิทักษ์ระบบคุณธรรมประจำมหาวิทยาลัยนครพนม(ก.อ.พ.ร.) เมื่อวันที่ 11 ก.ย.61 แต่ไม่มีการเสนอเรื่องให้สภามหาวิทยาลัยนครพนมพิจารณา จึงจำต้องยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ ก.อ.ร.ตามสิทธิอันพึงมีเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและสิทธิอันชอบธรรม
และคณะกรรมการ ก.อ.ร. ซึ่งมี ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ เป็นประธาน ได้ประชุมพิจารณาเมื่อ กระทั่งวันที่ 21 พ.ค.62 มีความเห็นว่าประเด็นการนำเครื่องออกกำลังกายไปใช้ที่บ้านพักประจำตำแหน่งนั้น ไม่ได้เป็นประเด็นซับซ้อนหรือยุ่งยาก อันจะต้องใช้ระยะเวลานานในการพิจารณา การที่อธิการบดี มหาวิทยาลัยนครพนม มีคำสั่งพักราชการตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.61 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลานานกว่า 200 วัน อันมีผลทำให้ผู้ร้องเสียสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่พึงมีพึงได้ กรณีจึงเป็นการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ร้องทุกข์ จึงมีมติให้ มหาวิทยาลัยนครพนม เพิกถอนคำสั่งพักราชการของดร.เพ็ญศิริ ตามคำสั่งของมหาวิทยาลัยนครพนม ที่2258/2561 ลงวันที่ 6 กันยายน 2561 พร้อมให้ ผศ.ดร.เพ็ญศิริฯ ได้กลับมารับราชการใน วิทยาลัยพยาบาลฯ อีกครั้ง แต่ด้วยตำแหน่งคณบดีฯได้ครบวาระแล้ว และขณะนี้มีผู้รักษาราชการแทนฯ จึงได้มาเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาพยาบาล แต่เพียงอย่างเดียวก่อน
