เวลา 10.30 น. วันที่ 1 ธ.ค.60 นางทองเรศ วงค์ศรีชา อาย 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ม.2 ต.นาคู่ อ.นาแก จ.นครพนม ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมพงษ์ แรงรอบ พนักงานสอบสวน ชุดคลี่คลายคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือศรีบุญหอม ตามหมายเรียกครั้งที่ 1 บนชั้น 4 อาคารแสงสิงแก้ว บก.ภ.จว.นครพนม
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาเบิกความเท็จ ซึ่งนางทองเรศฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า ยังคงยืนยันว่า คนขับรถยนต์ชนนายเหลือ พ่อบำรุง ถึงแก่ความตาย เป็นผู้ชาย ระหว่างรายงานข่าวนางทองเรศฯ ยังอยู่ในห้องสอบสวน ให้ปากคำกับคณะพนักงานสอบปากคำ หากเสร็จสิ้นก็จะนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดนครพนม เพื่อขออนุญาตฝากขังผัดแรก
นางทองเรศเป็นพยานที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ ในวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2548 ในชั้นพนักงานสอบสวนไม่มีนางทองเรศเป็นพยาน เพิ่งจะโผล่ออกมาตอนที่นางทัศนีย์อ้างต่อศาลฯว่า มีเพื่อนที่มาด้วยเห็นคนขับรถยนต์เป็นชาย ซึ่งในชั้นพนักงานสอบสวนนั้น นางทัศนีย์ให้ปากคำว่า หลังรถยนต์ชนนายเหลือแล้ว จอดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขับหลบหนีไป โดยไม่มีใครเดินลงจากรถ
ข่าวน่าสนใจ:
ในชั้นศาลเมื่อวันที่ 23 ก.ย.2557 ซึ่งเป็นวันที่นายสับได้เข้าเบิกความต่อศาลจังหวัดนครพนม ในชั้นไต่สวนการรื้อฟื้นคดีใหม่ของครูจอมทรัพย์ โดยเบิกความว่าเป็นผู้ขับรถชนนายเหลือถึงแก่ความตาย โดยมีผู้ที่เบิกความเป็นพยานคือ 1.นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ 2.นางทองเรศ วงค์ศรีชา 3.นางจันทร์ วาปี ยืนยันว่าสามีเป็นผู้ขับรถจริง และ 4.มีนางจอมทรัพย์นำเอกสารเท็จไปยื่น
และต่อมาวันที่ 9 ก.พ.2560 นางทองเรศขึ้นเบิกความต่อศาลจังหวัดนครพนม ในชั้นพิจารณารื้อฟื้นคดีของนางจอมทรัพย์ ก็ยืนยันว่าคนขับรถยนต์เป็นผู้ชาย แต่เมื่อวันที่ 17 พ.ย.60 ศาลฯพิจารณายกคำร้องของนางจอมทรัพย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหานางทองเรศเบิกความเท็จ ในชั้นไต่สวน และในชั้นพิจารณา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: