นครพนม – คืบหน้า กรณีชาวบ้านห้วยพระ หมู่ 9 และ หมู่ 14 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกที่ดินสาธารณะและที่ทำกิน โดยมีคนของรัฐคอยให้ความช่วยเหลือ แม้จะยื่นเรื่องคัดค้านอย่างไรก็ไม่เป็นผล และเร่งรัดออกโฉนดให้นายทุนนำไปฟ้องศาล ขับไล่ให้ออกจากที่ทำมาหากินแต่ครั้งบรรพบุรุษ ประกอบกับมีเจ้าหน้าที่ที่ดินขึ้นเบิกความต่อศาล ในฐานะพยานฝ่ายนายทุน เบิกความอันเป็นประโยชน์ต่อโจทก์ ชาวบ้านจึงถูกพิพากษาให้แพ้คดี เมื่อถูกนายทุนฟ้องขับไล่ แต่ถึงกระนั้นกลุ่มชาวบ้านที่โดนรังแกจากนายทุน และต้องต่อสู้กับคนของรัฐ ก็ไม่ได้ย่อท้อต่างจับมือกันเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมมานานกว่า 20 ปี
ล่าสุด วันที่ 23 สิงหาคม 2562 บริเวณชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังเก่า) เป็นที่ทำงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดนครพนม (ป.ป.ช.ฯ) ชาวบ้านห้วยพระทั้งหมู่ 9 หมู่ 14 นำโดยนายพันธ์ ชมภูพระ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 นางแตงอ่อน แก้วห้วยพระ ผช.ผญบ.ม.9 นายชา ตามขมิ้น นายอาทิตย์ ตั้งธรรม และนายยศ สาเส็ง เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ นายปริญญา วิกุลศิริรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครพนม ผ่านไปยัง ป.ป.ช.ส่วนกลาง เพื่อให้ตรวจสอบหาผู้กระทำผิดในการออกโฉนดที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน กรณีมีการออกทับที่ดินสาธารณะและที่ทำกินของชาวบ้าน
โดยมีเนื้อหาว่าสืบเนื่องจากสำนักงานที่ดินฯ ได้ทำการออกโฉนดให้แก่นายทุนนั้น บางส่วนทับที่ทำกินของชาวบ้าน และบางส่วนทับที่สาธารณะประโยชน์ที่พลเมืองใช้ร่วมกัน ในพื้นที่บ้านห้วยพระ หมู่ 9 หมู่ 14 และพื้นที่หมู่ 10 บ้านคำฮาก ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน คือ นายทุนออกโฉนดทับที่สาธารณะห้วยหลง ห้วยบ่อ ห้วยจ่องล่อง ห้วยน้ำเย็น ห้วยบ่อเล็ก และทำเลเลี้ยงสัตว์ สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอย่างน้อย 14 แปลงที่ออกทับที่สาธารณะ
ข่าวน่าสนใจ:
นอกจากนี้โฉนดที่ดินเลขที่ 19238 นายทุนได้บุกรุกสาธารณะหนองข้าที่มีเอกสารสำคัญสำหรับที่หลวงอย่างชัดเจน รวมทั้งยังทับทางหลวงชนบทที่เชื่อระหว่างบ้านห้วยพระกับบ้านดอนสวรรค์ ต.นาขมิ้น อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เข้าไปอีกด้วย ขณะที่โฉนดเลขที่ 19335 มีการออกทับโฉนดของนายยศ สาเส็ง ที่มีเอกสารหลักฐานทั้งใบจอง และ นส.3 ก.ทำให้ใบโฉนดที่นายยศถือไว้หายไปทั้งแปลง เมื่อตรวจสอบกลับปรากฏชื่อของนายทุนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์
ซึ่งการกระทำของนายทุน เป็นการท้าทายอำนาจรัฐ เพราะมีคนของรัฐให้การสนับสนุนให้กระทำผิด เพราะเห็นว่าชาวบ้านไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย และในปี 2551เหิมเกริมถึงขึ้นออกโฉนดในพื้นที่ ส.ป.ก.ได้ โดยมีคนของรัฐกระวีกระวาดเร่งออกโฉนดให้ถึง 51 แปลง ภายในเวลาเพียงเดือนเดียว ชาวบ้านจึงรวมตัวกันร้องเรียนเพื่อให้ ป.ป.ช. ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
ตลอดเวลาที่มีการพิพาท ได้มีนายอำเภออย่างน้อย 7 คน ที่รับเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้าน เคยมีปลัดอำเภอรายหนึ่งคัดค้านการออกโฉนดในพื้นที่ดังกล่าวของนายทุนแต่ ภายหลังถูกคำสั่งให้ย้ายออกจากพื้นที่ จึงไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านอีกเลย ขณะที่นายอำเภอบางรายหน้ายังมียาง ก็ทำเรื่องขอย้ายไปอยู่ที่อื่น บางคนกลับทู้ซี้เข้าข้างนายทุน ชาวบ้านขึ้นไปร้องทุกข์ก็ถูกไล่ตะเพิดออกมาก็มี เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมและหมด หนทางต่อสู้ สุดท้ายชาวบ้านจึงเห็นฟ้องต้องกันว่าจะยื่นถวายฎีกาต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: