นครพนม – วันที่ 12 พ.ค.61 บริเวณสำนักงานด่านกักกันสัตว์ บ้านหนองบัว หมู่ 10 ตำบลหนองญาติ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม สัตวแพทย์ หญิง ฐิติมา ศรีคำ นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการณ์ ได้รับแจ้งความประสงค์จาก นางประกอบ ไหมคำมูล อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 3 หมู่ 7 บ้านน้ำอ้อม ต.น้ำอ้อม อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ดซึ่ง เดินทางมาด้วยรถแท็กซี่ของลูกเขย นายอัฐกร โตนวุธ อายุ 37 ปี พร้อมลูกเมียเต็มคันรถจำนวน 8 คน เพื่อขอดูสุนัขของตนจำนวน 2 ตัว ที่ได้อนุญาติให้เจ้าหน้าที่นำมากักไว้ที่ด่านกักกันสัตว์นครพนม ในช่วงเกิดโรคพิษสุนัขบ้าระบาดหนัก จนทางการต้องประกาศเป็นพื้นที่สีแดง
เจ้าหน้าที่ประจำด่านกักกันฯ จึงพาครอบครัวของนางประกอบเข้าไปในสถานที่ดูแลน้องหมา ซึ่งถูกคัดแยกเป็นโซนๆ เพื่อไม่ให้สุนัขอยู่อย่างแออัด นางประกอบและลูกหลานช่วยกันมองหา “เจ้าอัคคี” น้องหมาเพศผู้ และ “นังวารี” สุนัขเพศเมีย สองพี่น้องจากแม่ตัวเดียวกัน อายุประมาณ 5 ปี โดยตะโกนเรียกชื่อสุนัขทั้งสองตัว ใช้เวลาไม่นานนัก ทุกคนก็ต่างยิ้มด้วยความดีใจ เพราะเจ้าอัคคีและนังวารีได้ยินเสียงเรียกชื่อ ก็วิ่งกระติกหางมาหาเจ้าของ นางประกอบถึงกับน้ำตาไหลพรากด้วยความดีใจ บอกเจ้าหน้าที่ว่าขอฝากน้องหมาทั้งสองไว้สักสองสามวัน เพื่อกลับไปเตรียมกรงมารับกลับบ้าน
โดยนางประกอบ เปิดเผยว่าตนจดจำวันที่ต้องพลัดพรากจากสุนัขทั้งสองได้เป็นอย่างดี คือวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นเกิดโรคพิษสุนัขบ้านระบาดหนักทั้งจังหวัดร้อยเอ็ด แม้ตนจะฉีดวัคซีนให้สุนัขทั้งสองตัวตลอดทุกปีแต่ก็ยังไม่มั่นใจเนื่องจากมีข่าวว่ามีวัคซีนปลอม ระบาดจึงกลัวว่าวัคซีนที่ใช้ฉีดให้สุนัขของตนจะเป็นวัคซีนปลอม จึงจำเป็นต้องมอบน้องหมาให้เจ้าหน้าที่นำไปกักบริเวณที่จังหวัดนครพนม ตนช่วยกันจับหมาทั้งสองด้วยน้ำตา เมื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ สุนัขทั้งสองร้องและจะกระโดดออกจากกรงมาหาตนน้ำตาแห่งการพลัดพรากก็ไหลออกมาทันที จนต้องเบือนหน้าหนี ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาไม่เคยนอนหลับ เพราะคิดถึงสุนัขทั้งสองอย่างมาก กระทั่งการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าเริ่มซาลง ตนจึงปรึกษากับลูกๆว่า ควรจะมาตามหาน้องหมาว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ขณะที่นายอัฐกรลูกเขยกล่าวเพิ่มเติมว่า สงสารแม่ยายที่พูดถึงน้องหมาทีไรจะน้ำตาไหลทุกที ตนจึงหาเวลาว่างขับรถแท็กซี่จาก กทม. เพื่อพาแม่ยายตามหาเจ้าอัคคีและนังวารี โดยออกจากบ้านตั้งแต่ตี 5 ถามเส้นทางมาจังหวัดนครพนมตลอด จนมาถึงด่านกักกันฯ ภาวนาในใจให้น้องหมาทั้งสองมีชีวิตอยู่ เมื่อมาเจอเหมือนปาฏิหาริย์จริงๆ สุนัขทั้งสองวิ่งมาหาพวกตนอย่างคุ้นเคย และนางสกุลศรี โตนวุธ อายุ 36 ปี ภรรยาเผยต่อว่าแม้จะฉีดวัคซีนให้สุนัขทั้งสองทุกปี แต่มีข่าวว่ามีวัคซีนปลอมหลอกขายแก่ชาวบ้าน ทำให้พวกตนเกิดความไม่มั่นใจว่าวัคซีนดังกล่าวใช่ของจริงหรือไม่ จึงจำเป็นต้องเอาสุนัขที่ชุบเลี้ยงมาแต่เกิดให้ทางการไปดู เมื่อมาพบทั้งสองมีชีวิตอยู่รู้สึกดีใจมาก ต่อไปนี้จะไม่ทอดทิ้งเขาอีกต่อไปแล้ว “ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ดูแลสุนัขของหนูค่ะ” นางสกุลศรีกล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
- ร้อยเอ็ด...กบห.โหวดพิฆาตเข้าพบรักษาการพ่อเมืองร้อยเอ็ด ร่วมต้อนรับรัฐมนตรีประจำสำนักฯ เปิดงานเดิน-วิ่งการกุศล ณ อ่างธวัชชัย 30 พ.ย. 67
- หนุ่มชลบุรีซิ่งมอไซค์ชนรถแม็คโครเจ็บสาหัส
- ชาวบ้านผวา พบเสือ 3 แม่ลูก ป้วนเปี้ยนในป่า 100 ไร่ใกล้ฟาร์มเลี้ยงวัว ไม่กล้าเกี่ยวข้าว-กรีดยาง วอนบุกพิสูจน์
- นครพนม : กองทัพบก ร่วมกับ Kubota มอบไออุ่นในพื้นที่ภาคอีสาน มอบเสื้อกันหนาวให้ชาวนครพนม ตามโครงการ "คูโบต้า พลังใจ สู้ภัยหนาว" ปี 2567
สต.ญ.ฐิติมา ศรีคำ เปิดเผยว่าเดิมทีมียอดจากสุนัขที่ส่งมาที่ด่านกักกันแห่งนี้ มีจำนวน 3,013 ตัว ปัจจุบันเหลือประมาณ 700 ตัว เหตุที่เสียชีวิตมีปัจจัยหลายอย่างเช่นความเครียด อากาศร้อน และถ่ายเหลว ซึ่งเกิดจากติดเชื้อไวรัส ซึ่งติดจากน้องหมาบางตัวที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน เมื่อนำมารวมกันตัวไหนอ่อนแอก็จะติดเชื้อและตาย กรณีน้องหมาของคุณยายประกอบอยู่รอด เพราะได้รับการฉีดวัคซีนทุกปี ทำให้มีภูมิต้านทานโรครอดจากการติดเชื้อมาจนถึงปัจจุบัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: