มุกดาหาร – ทหารพราน 2110 สนธิกำลังหน่วยความมั่นคงในพื้นที่จับกุมข้าวสารเหนียว ลักลอบนำเข้าจากลาวจำนวน 774 กระสอบ ๆ ละ 50 กิโลกรัม รวมน้ำหนัก 38,700 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 800,000 บาท รวบ ผู้ต้องหาได้ 14 คน รถสิบล้อ 3 คัน และรถกระบะ 3 คัน รับสารภาพไปส่งโรงสีข้าวที่จังหวัดมหาสารคาม นครราชสีมา และกรุงเทพมหานคร
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 62 นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พันเอกสุภัทร ชูตินันทน์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 2 นายกนก ศรีวิชัยนันท์ นายอำเภอเมืองมุกดาหาร พันตรี อัครเดช อัครสาร ผู้บังคับกองร้อยทหาร พรานที่ 2110 พร้อมด้วยด่านศุลกากร หมวดเคลื่อนที่เร็วที่3 ร้อยเคลื่อนที่เร็วที่ 1 ( กองกำลังสุรศักดิ์ มนตรี ) นรข. ตชด.234 ปกครอง ตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหาร และตำรวจน้ำ ร่วมกันแถลงจับกุมข้าวสารเหนียวจำนวน 774 กระสอบ น้ำหนัก 38,700 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหา 14 คน รถสิบล้อจำนวน 3 คัน และรถกระบะ 3 คัน ที่โกดังไม่มีเลขที่ บริเวณพื้นที่บ้านสามขา หมู่ 14 ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ต.ค. ภายใต้การอำนายการของ พลตรี สวราชย์ แสงผล ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พันเอกบุญสิน พาดกลาง ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 พันเอกสุภัทร ชูตินันทน์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 2 นายกนก ศรีวิชัยนันท์ นายอำเภอเมืองมุกดาหาร ได้มอบหมายให้ พันตรี อัครเดช อัครสาร ผู้บังคับกองร้อยทหาร พรานที่ 2110 พร้อมด้วยด่านศุลกากร หมวดเคลื่อนที่เร็วที่3 ร้อยเคลื่อนที่เร็วที่ 1 ( กองกำลังสุรศักดิ์ มนตรี ) นรข. ตชด.234 เข้าตรวจสอบหลังได้รับทราบจากแหล่งข่าว (ชุดปฏิบัติการข่าวที่ 7 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี) ว่ามีการนำสินค้านำเข้าผิดกฎหมายมาเก็บไว้ในโกดังไม่มีเลขที่ บริเวณพื้นที่บ้านสามขา หมู่ 14 ตำบลคำปาหลาย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เพื่อรอขนขึ้นรถบรรทุกนำเข้าสู่พื้นที่ตอนในเพื่อจำหน่าย
กระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าว ตรวจพบกลุ่มบุคคล ประมาณ 10 -15 คนกำลังขนกระสอบข้าวสารจากรถยนต์กระบะ ขึ้นรถบรรทุกสิบล้อจำนวน3คัน รถยนต์กระบะ3 คัน และได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 14 คน ทราบชื่อ รายชื่อผู้ประกอบการ 4 ราย 1.นาง ขาวอ่อน เมืองโคตรอายุ 64ปี บ้านเลขที่ 79 หมู่ 2 บ้านหว้านน้อย ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร 2.นาง สมบูรณ์ กุลสุทธิ์ อายุ 59 ปี บ้านเลขที107 หมู่ 2 บ้านหว้านน้อย ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร 3.นาง เขียน ประเสริฐศรี อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 19 หมู่ 2 บ้านหว้านน้อย ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่จังหวัดมุกดาหาร 4.นายพรชัย กุลสุทธิ์ อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 115 หมู่ 2 บ้านหว้านน้อย ตำบลหว้านใหญ่อำเภอหวานใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร รายชื่อคนขับรถสิบล้อ จำนวน 5 ราย 1. นางสุภาพร สนูทร อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 256 หมู่ 9 บ้านยางตลาด ตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ 2.นายเดชา บุญสิงห์ศร อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 173 หมู่ 5 ตำบลสามัคคี อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี 3.นายสมศักดิ์ ทรัพย์เจริญ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 434 หมู่ 14 ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 4.นายสุวาส ฐานะ อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 20 หมู่ 4 ตำบลนาจำปา อำเภอดอนจาน จังหวัดกาฬสินธุ์ 5.นายสมทรง นาชัยเริ่ม อายุ 54 ปี 138 หมู่ 3 ตำบลหนองแบ่น อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ รายชื่อคนแบก จำนวน 5 คน 1.นายอัธพล กุลสุทธิ์อายุ 29ปี บ้านเลขที่70หมู่ 2 บ้านหว้านน้อย ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหวานใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร 2. นายนิพล เมืองโคตร อายุ 44ปี บ้านเลขที่ 90 หมู่1 บ้านหว้านใหญ่ ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหวานใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร 3. นาย สุทร กุลสุทธิ์ อายุ 42ปี บ้านเลขที่ 6หมู่2 บ้านหว้านน้อย ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร 4. นาย เจษฎา กุลสุทธิ์ อายุ 17 ปี บ้านเลขที่ 139 หมู่ 2 บ้านหว้านน้อย ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร 5. นาย ณัฐภาส เสนาพันธ์ อายุ 24ปี บ้านเลขที่ 23 หมู่ 5 ตำบลเหล่าสร้างถ่อ อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร
ข่าวน่าสนใจ:
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมด พร้อมผู้ต้องหามาที่ กองบังคับการกองร้อยทหารพรานที่ 2110 ตรวจสอบเบื้องต้น พบเป็นกระสอบข้าวสารเหนียว 774 กระสอบ น้ำหนัก 38,700 กก. มูลค่ากว่า 800,000 บาท
จากการสอบถามนางสมบูรณ์ กุลสิทธิ์ อายุ 59ปี บ้านเลขที่ 107 หมู่ 2 บ้านหว้านน้อย ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร ทราบว่า จะมีการขนข้าวสารเถื่อน ประมาณ 1,000 -1,500 กระสอบต่อวันโดยใช้รถบรรทุกสิบล้อในการขนจำนวน 6 คัน โดยจะรับซื้อข้าวสารจากผู้ประกอบการค้าข้าวสารฝั่ง สปป.ลาว คือท้าวใส ( ไม่ทราบ นามสกุล), นางแอ๊ค (ไม่ทราบนามสกุล ),นางกล่อง (ไม่ทราบนามสกุล ),นาง แก้ว (ไม่ทราบนามสกุล) ราษฎรบ้านท่าสะโน นครไครสอนพรมวิหาน แขวงสะหวันนะเขตสปป.ลาว ในราคา 1,100 บาทต่อกระสอบ และจะนำไปขายต่อให้กับนายทุน หรือโรสีข้าวในพื้นที่ตอนในในราคา 1,500 – 1,800 บาท โดยจะใช้เส้นทางในการลำเลียงข้าวสารไปยังปลายทาง และจะไปส่งจุดแรก ที่โรงสีในจังหวัดมหาสารคาม (ไม่ทราบชื่อโรงสี) ต่อด้วยจังหวัดนครราชสีมา กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลต่อไป
ทั้งนี้ตามนโยบายของ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ / ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และพลโท ธัญญา เกียรติสาร ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่2 ในการปราบปรามสินค้าทางการเกษตรที่ลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากรทุกชนิด ซึ่งจะทำให้พี่น้องเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนโดยตรง ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการตรวจยืดจับกุมกระเทียม และน้ำตาลทรายที่ไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากรมาอย่างต่อเนื่อง….
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: