X

“อนุทิน” ชู Thailand First ฟื้นเศรษฐกิจ

กระตุ้นคนไทยใช้ของในประเทศ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนเบื้องต้น พร้อมมั่นใจ ระบบ สธ.สุดแกร่ง ช่วยดึงดูดนักลงทุน

เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2563 ที่โรงแรมพูลแมน ซ.รางน้ำ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวเปิดงานเสวนา “ลงทุน 2020 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างคน สร้างชาติ”

นายอนุทิน กล่าวว่า มีหลายฝ่ายกังวลเรื่องเศรษฐกิจไทย ซึ่งส่วนตัว ขออธิบายในส่วนของสภาพคล่อง เชื่อว่า คนไทยมีเงินในกระเป๋า ปัญหาคือไม่กล้านำมาใช้ แต่วันหนึ่ง การจับจ่ายจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ประเทศไทย ยังมีอนาคตที่ดีรออยู่

อย่างไรก็ตามในช่วงของการฟื้นฟู อยากย้ำความสำคัญของนโยบาย Thailand First หรือการใช้ของในประเทศก่อน จ้างงานคนในประเทศก่อน

ประเทศไทย สามารถผลิตสิ่งต่างๆได้เอง เมื่อทำได้ขนาดนี้ เม็ดเงินก็ไม่ควรไหลออกจากประเทศ ควรจะตั้งต้นหมุนเวียนกันในไทยเป็นลำดับแรก สร้างสภาพคล่องสูงสุด เมื่อเศรษฐกิจไทยดีขึ้น เงินจากต่างประเทศจะไหลเข้ามาเอง

ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องใช้ของจากต่างประเทศ ขอให้ไทยอยู่ในสถานะของผู้ซื้อ และเป็นผู้กำหนด ตนไม่อยากเห็นว่าเราซื้อของต่างชาติ และยังต้องถูกกำหนดด้วยเงื่อนไขต่างๆ โดยต่างชาติ จนคนไทยไม่ได้ประโยชน์ เพราะไม่จ้างงานคนไทย ไม่อุดหนุนของไทย จากนี้ ขอให้ไทย เป็นผู้ซื้อ ผู้กำหนด และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันเต็มที่ เพื่อให้ไทยมีตัวเลือกมากขึ้น

ตนเชื่อในเรื่องของเม็ดเงินหมุนเวียน ถ้ามีแหล่งกู้เงินดอกเบี้ยต่ำมาให้กู้ ก็ต้องกู้ แต่ต้องนำมาใช้ในเรื่องที่เป็นประโยชน์ หากทำได้ เงินกู้นั้น จะกลายเป็นผลประโยชน์มหาศาล

ขอย้ำว่า ประเทศไทย มีเสน่ห์ น่าลงทุน แต่ขอให้แก้ไขกฎกรอบ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน สมมุติว่าถ้าเราเก็บภาษีการลงทุนที่สูง เราเชื่อว่า ผลตอบแทนที่ได้รับย่อมสูงตาม แต่มันไม่มีประโยชน์ ถ้าเงื่อนไขนั้น ไม่ทำให้เกิดการลงทุนที่แท้จริง

ในฐานะที่เป็นรองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม ขอย้ำว่า การดำเนินนโยบาย เป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ การลงทุน ภาครัฐ และประชาชน ต้องได้รับประโยชน์สูงที่สุด ที่สุดแล้ว กระทรวงคมนาคม สามารถประมูลสร้างรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ – อู่ตะเภา ในราคาที่ต่ำกว่าราคากลางถึง 50,000 ล้านบาท บางโครงการ สามารถสร้างผลประโยชน์ให้ประเทศชาติประมาณ 200,000 ล้านบาท โครงการมอเตอร์เวย์ ประเทศไทย ได้ผู้ประมูลต่ำกว่าราคากลางถึง 36% ถามว่า ผู้ลงทุน ทำไมยอมเสนอราคาที่ต่ำขนาดนี้ คำตอบ คือ ผู้ลงทุนมองเห็นโอกาส เพราะมั่นใจว่าประเทศไทยเติบโตต่อไปได้

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในเรื่องของโควิด-19 ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยได้เสียสละมากมาย ในการรับมือ แต่หลังจากนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่ต้องเรียกสิ่งที่เคยเสียไปกลับคืนมา ผู้ชนะมักจะมองเห็นโอกาสในปัญหา แต่ผู้แพ้มักจะมองเห็นปัญหาในโอกาส แต่คนไทยคือผู้ชนะมาตลอด คนไทยไม่เคยแพ้

สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้ประเทศไทย ได้เรียนรู้การรับมือกับโรคระบาด และพัฒนาการรับมือ จนได้รับการยอมรับในระดับโลก

ขอย้ำว่า เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น กับความตั้งใจกดยอดผู้ติดเชื้อให้เหลือ 0 ได้ทุกวัน แต่ต้องแลกมาด้วยการที่เศรษฐกิจเดินต่อไม่ได้ ประชาชนเดือดร้อนหนัก วันนี้ ต้องคลายล็อก บนความระมัดระวัง ให้ประชาชน ทำมาหากินได้ มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น แต่หากปรากฏพบผู้ติดเชื้อ มั่นใจว่า กระทรวงสาธารณสุข มีความสามารถในการจัดการ เพราะได้สำรองยา สำรองเตียง สำรองคนไว้หมดแล้ว ยาบางชนิด ที่เคยต้องใช้กับผู้ป่วยอาการหนัก ตอนนี้มีสต็อกไว้จำนวนมาก สามารถเริ่มต้นใช้กับผู้ป่วยได้เร็วขึ้น จนทำให้ ไม่มีผู้ป่วยหนัก และไม่มีผู้เสียชีวิต เรามีความมั่นใจในการรับมือกับโรคไปจนกระทั่งค้นพบวัคซีน

ซึ่งไทย ได้เดินหน้าเรื่องนี้ไปแล้ว มีองค์ความรู้ มีงบสนับสนุน ที่ผ่านมา นอกจากการสนับสนุนทีมวัคซีนของไทยแล้ว ไทยยังไปสนับสนุนการศึกษาวิจัยของชาติอื่นด้วย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนเร็วที่สุด

ระบบสาธารณสุขไทย มีความเข้มแข็งมาก ในอนาคตประเทศที่น่าลงทุน ไม่ได้มีเพียงปัจจัยเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน, กฎระเบียบการลงทุน แต่ยังต้องคำนึงไปถึงเรื่องระบบสาธารณสุขด้วย ซึ่งไทยมีจุดแข็งครบทุกเรื่องโดยเฉพาะระบบสาธารณสุข ที่ได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วโลก และตรงนี้ จะเป็นจุดเด่นใหม่ ที่ช่วยสร้างเสน่ห์ให้กับประเทศไทย โควิด-19 เป็นวิกฤติของโลก แต่จะกลายเป็นโอกาสของไทยในอนาคต ที่ช่วยทำให้นักลงทุนทั่วโลก ได้เห็นจุดแข็งด้านการสาธารณสุขของไทย

////////

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน