ปราจีนบุรี – เครือข่ายผู้ปกครอง ครู และศิษย์เก่าโรงเรียนนครนายกวิทยาคม ยื่นหนังสือและพวงหรีด สพฐ.เขต 7 ไม่ผอ.ฉาว
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.62 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดปราจีนบุรี รายงานว่า ตัวแทนเครือข่ายคณะผู้ปกครอง ครู และศิษย์เก่า โรงเรียนนครนายกวิทยาคม จ.นครนายก ได้เดินทางมาที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 7 ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เพื่อยื่นหนังสือเรื่องการโยกย้าย ผอ.จาก โรงเรียนจักราชวิทยาคม จ.นครราชสีมา ที่เป็นข่าวว่า ได้ล่วงละเมิดทางเพศครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ซึ่งเป็นหญิงสาวชาวฟิลิปปินส์ เมื่อคืนวันที่ 16 พ.ค.62 ที่ผ่านมา และมีการแจ้งความที่ สภ.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นการกระทำที่เสื่อมเสียและนักเรียนไม่อยากได้ผู้บริหารที่มีพฤติกรรมไม่ดี จึงได้ร้องทุกข์ให้ผู้บริหาร สพม.31 นครราชสีมา ดำเนินการสอบสวนทางวินัย แต่ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ร.ร.จักราชวิทยา ได้ยื่นหนังสือให้ สพม.31 นครราชสีมา ตรวจสอบการบริหารงบประมาณ ส่งผลให้มีคำสั่งให้ผู้บริหารโรงเรียนดังกล่าวถูกให้ย้ายออกจากพื้นที่ไปปฏิบัติราชการที่ สพม.31 เป็นเวลา 15 วันนั้น
ข่าวน่าสนใจ:
- บ้านใหญ่พรรคเพื่อไทยเชียงราย เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.พร้อมกับนำทีมผู้สมัคร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ทั้ง 36 เขต ในนามพรรคเพื่อไทย
- นครพนม : หมอสงค์ หมอผู้สร้าง เปิดตัวสมัครนายก อบจ.นครพนม พร้อม ส.อบจ.นครพนม
- พรรคประชาชนเปิดตัว นายแพทย์จิรชาติ เรื่องวัชรินทร์ หรือ หมอมุดสัง ชิง นายก อบจ.สุราษฎร์ ฯ สมัครจันทร์นี้
หลังจากนั้น ได้มีคำสั่งให้ ผอ.คนดังกล่าว ย้ายมาที่โรงเรียนนครนายกวิทยาคม จ.นครนายก ทำให้คณะครู ศิษย์เก่า และผู้ปกครองของทางโรงเรียนนครจายกวิทยาคม หลังจากทราบข่าว ต่างไม่เห็นด้วยและไม่ขอรับ ผอ.คนดังกล่าว เข้ามาเป็นบริหารจัดการในโรงเรียนแห่งนี้ เกรงจะเกิดปัญหาซ้ำรอย โดยก่อนหน้านี้ ทางโรงเรียนได้มีการแสดงเจตนารมณ์ โดยการถือป้ายข้อความต่าง ๆ มาแล้ว ที่บริเวณหน้าโรงเรียนนครนายกวิทยาคม และทางตัวแทนคณะผู้ปกครอง ครู และศิษย์เก่า โรงเรียนนครนายกวิทยาคมได้เดินทางมายื่นหนังสือให้กับทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 7 ปราจีนบุรี โดยมีนางธัญชนก ก้อนเงิน รักษาการแทน ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 7 ปราจีนบุรี เป็นตัวแทนรับหนังสือดังกล่าวในฐานที่เป็นต้นสังกัด เพื่อพิจารณาอีกครั้ง
ทางด้าน นายประทีป วงศ์สว่างศิริ ผอ.กลุ่มบริหารฯ กล่าวว่า ทางสพฐ. 7 กล่าวว่า สพฐ.7 ไม่มีอำนาจสั่งการยับ
ยั้งใด ๆ มีหน้าที่ทำตามคำสั่งเป็นหลักตนได้ติดตามข่าวของ ผอ.คนดังกล่าวมาตั้งแต่เกิดเรื่องที่เด็กนักเรียนที่โรงเรียนจักรราชฯ ออกมาขับไล่เรื่องของการบริหารจัดการงบของโรงเรียนไม่โปร่งใสแล้ว และมาเกิดเรื่องฉาวเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศกับครูสอนภาษาชาวฟิลิปปินส์ ที่สอนที่โรงเรียนจักราชฯ ทำให้เด็กนักเรียนที่โรงเรียนจักราช ถึงขั้นแตกหักออกมาขับไล่ ผอ.คนดังกล่าวให้พ้นจากโรงเรียนนั้น
นายประทีป กล่าวอีกว่า โดยเบื้องต้นทาง ผอ.คนดังกล่าวยอมที่จะย้ายไปที่โรงเรียนในพื้นที่ปางสีดา แต่ไม่รู้ระบบทางราชการมีการเอื้ออำนวยกันอย่างไร กลับถูกส่งมาที่โรงเรียนนครนายกฯ โดยมีกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนนครนายกวิทยาคม และกรรมการการศึกษาจังหวัดนครนายกเป็นคนเซ็นต์รับรอง รับ ผอ.คนดังกล่าว ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะว่าไม่มีการสอบถามครู ผู้ปกครอง และศิษย์เก่า ทั้งที่ ผอ.คนนี้มีมลทินมาจากโรงเรียนเดิม ซึ่งทำให้ทาง ครู นักเรียน ผู้ปกครองและศิษย์เก่า รับไม่ได้ ที่สำคัญย้ายจากโรงเรียนจำประจำอำเภอ มาเป็น ผอ.โรงเรียนประจำจังหวัดใหญ่กว่าที่เดิมอีก มองแล้วเป็นการพิจารณาระบบราชการที่ไม่ถูกต้องเหมือนเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยไม่แยกชั่วดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น โดยทางเราเชื่อว่าที่เด็กเค้าทำกัน เพราะว่าเค้าถึงที่สุด ๆ แล้ว จึงได้มีการขับไล่กัน ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ให้ออกจากพื้นที่แล้ว และไม่คิดว่าจะมาลงที่จังหวัดนครนายก ซึ่งเราจึงได้มีการคัดค้านไม่เอา ผอ.คนดังกล่าว อยู่ในโรงเรียนนครนายกวิทยาคม
ทางด้าน นายสว่าง ทองไพ ฐานะผู้ปกครองนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนนครนายกวิทยาคม กล่าวว่า หลังจากที่ทราบข่าวเรื่องนี้ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ถือว่ารุนแรง เพราะเป็นเรื่องทางเพศ โดยเฉพาะในช่วงนี้ปัญหาแบบนี้มีอยู่มาก ซึ่งผู้ปกครองเองที่ทราบข่าวแล้ว เลยพยายามหาข้อเท็จจริง ซึ่งสืบมาแล้วเป็นไปตามที่นำเสนอ เบื้องต้นทราบว่า ได้มีการยอมความในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ในเรื่องของจริยธรรม ซึ่งเป็นถึงขั้นผู้บริหารสถานศึกษาสำคัญคือจะต้องเข้าไปดูแลบุคลากรด้านการศึกษาเป็นร้อยเด็กนักเรียนอีกไม่น้อยกว่าสองพันกว่าคน จะต้องเป็นต้นแบบที่ดี ไม่ใช่มีพฤตกรรมลวนลามเมื่อเกิดเรื่องแล้วมาอ้างโน่นนี้นั้น ซึ่งถ้ามีจริยธรรม และจรรยาบรรณ จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จะมาคิดว่าเป็นระเบียบหรือธรรมเนียมของต่างชาติ คือมันต้องรู้กาลเทศะ และย่องไปทำนอกเวลาและในเวลากลางคืน
“จริงแล้วมันเป็นนิสัยของคนกระทำเอง ทำให้ผู้ปกครองหลายท่านเป็นห่วงโดยเฉพาะลูกผู้หญิง ว่าจะโดนกระทำเมื่อไหร่ ซึ่งขณะนี้เริ่มรู้ถึงความไม่ปลอดภัยแล้ว บางคนถึงขั้นจะย้ายลูกออกจากโรงเรียนด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากเป็นปลายเทอมใกล้ปิดเรียนแล้ว ไม่แน่เทอมหน้าอาจจะมีการย้ายออกจากโรงเรียนนี้ หาก ผอ.คนนี้อยู่ในโรงเรียนนครนายกวิทยา รวมถึงผู้ปกครอง ที่จะเอาลูกมาเรียนโรงเรียนนี้เริ่มคิดว่าจะไม่เอาลูกมาเรียนโรงเรียนนี้ รวมไปถึงขณะนี้โรงเรียนนครนายฯ เริ่มมีปัญหาหลายๆด้าน สิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้ไม่อยากให้ ผอ.คนนี้เข้ามาบริหารโรงเรียนนครนายกฯ แต่ถ้าไปเคลียร์ตัวเองกับต้นสังกัดให้ตัวเองสะอาดก่อน อาจจะยอมรับกันได้
ด้าน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 7 ปจ. กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือร้องทุกข์ดังกล่าวแล้วจะได้แจ้งให้ ทาง ผอ.เขตพื้นที่ได้รับทราบ และจะทำเรื่องไปทางศึกษาธิการจังหวัดนครนายก เพื่อนำเสนอคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดนครนายกพิจารณา ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้น ก็เป็นไปตามคณะกรรมการศึกษาธิการนครนายก ซึ่งเขตพื้นที่ไม่มีอำนาจที่จะรับย้ายหรือไม่รับย้าย อำนาจทั้งหมดอยู่ที่ศึกษาธิการจังหวัดนครนายก ทางเราทำได้แต่เพียงนำเสนอข้อมูลต่างๆไปให้ศึกษาธิการเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับทราบว่า หลังจากการยื่นหนังสื่อวันนี้แล้วทางกลุ่มของผู้ปกครอง ครู และศิษย์เก่าโรงเรียนจะได้นำหนังสือที่เตรียมไว้ยื่นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงต่างประเทศ เพราะถือว่าการกระทำของ ผอ.คนดังกล่าวนั้นมีมูล และเป็นการกระทำที่สำเร็จแล้ว แม้จะมีการยอมความกันก็ตาม ถือว่าสร้างความเสียหายหลาย ๆ ด้าน หากครูสอนภาษาคนดังกล่าวมีการพูดต่อกัน
—————————–
ข่าว-ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: