สระแก้ว – ผู้ว่าฯสระแก้วประชุมด่วน หลังชาวไร่อ้อยเตรียมลุกฮือ แฉถูกเจ้าหน้าที่เรียกรับส่วยแรงงานเขมรตัดอ้อยแม้จะมีบอร์ดเดอร์พาส เข้มมาตรการป้องกันอุบัติเหตุจากรถบรรทุกอ้อย โดยบูรณาการป้องกันอุบัติเหตุทุกรูปแบบให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพรพจน์ เพ็ญพาส ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วย นายภูษิต สมจิตต์ นายรณรงค์ นครจินดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เดินทางไปร่วมประชุมแนวทางการแก้ปัญหาในการขนส่งอ้อยเข้าสู่โรงน้ำตาลในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว สำหรับฤดูการผลิต ปี 2560/2561 โดยมี พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว แขวงการทางสระแก้ว หัวหน้าส่วนงานราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทหาร ผู้แทนโรงงาน นายมนตรี คำพล นายกสมาคมเกษตรกรชายแดนบูรพา เข้าร่วมประชุมกว่า 30 คน เพื่อหารือและให้ขอเสนอแนะเกี่ยวกับการป้องกันอุบัติเหตุจากรถบรรทุกอ้อย ให้เป็นมาตรฐานสากล และปัญหาการนำเข้าแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา เพื่อมาตัดอ้อย ซึ่งต้องใช้ประมาณ 20,000 คน
ทั้งนี้ ที่ประชุมซึ่งมีตัวแทนโรงงานเข้าร่วมด้วย ได้ขอให้ยกเว้นมาตรการของหน่วยงานรัฐ ได้แก่ การบรรทุกอ้อยไม่เกิน 3.80 เมตรจากพื้นด้านล่าง มีสายรัดไม่เกิน 2 เส้น รถพ่วงไม่เกิน 4 เส้น โดยมีคณะทานตรวจสอบถ้าเกินให้เอาออก ,อ้อยที่ตัดเป็นท่อน ต้องมีตาข่ายคุมในการขนส่ง ,และให้สมาคมชาวไร่อ้อยฯจัดรถเก็บอ้อยที่ร่วงหล่นอย่างน้อยวันละ 4 ครั้ง โดยมีป้ายแจ้งและหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อได้อย่างชัดเจน โดยมอบหมายให้ ปภ.สระแก้ว เป็นศูนย์กลางรับการประสาน หมายเลข 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และให้โรงงานจัดสถานที่จอดรถบรรทุกอ้อยให้เพียงพอ ห้ามมิให้ไปจอดบนไหล่ทางหรือบนถนนหลวงอย่างเด็ดขาด
พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ได้ขอให้เพิ่มมาตรการดูแลผู้ขับ ไม่ให้มีสารเสพติด ดื่มสุราและให้มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจะต้องถูกดำเนินคดี แต่ในที่ประชุมมีการผ่อนผันให้ ถ้ากระทำผิดครั้งแรกจะว่ากล่าวตักเตือนก่อน ถ้ายังกระทำผิดอีกจึงจะถูกดำเนินคดี ให้มีการตรวจสอบสภาพรถให้อยู่ในสภาพที่ดี หากเกิดชำรุดให้เคลื่อนย้ายออกจากถนนโดยเร็ว พร้อมเตรียมกรวยจราจร หรือสัญญาณเตือนภัยไว้ที่รถหากกรณีรถเสียระหว่างทางให้เคลื่อนย้ายได้ทันที เพื่อแจ้งเตือนรถที่ผ่านไป-มาได้ชะลอ หากเกิดอุบัติเหตุ และต้องจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบเหตุด้วย
ส่วนนายสิทธิศักดิ์ ธารนัย แรงงานจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ด้านการนำแรงงานชาวกัมพูชาเข้ามาเพื่อรับจ้างตัดอ้อย มีขอหลักฐานจากประเทศต้นทางและเดินทางเข้ามาตัดอ้อยกับนายจ้างคนไทยที่ได้รับโควต้าไว้แล้ว ไม่มีปัญหาในเรื่องดังกล่าว โดยผ่านที่ด่าน ตม.อรัญประเทศ และเปิดให้เข้ามาทางจุดผ่อนปรนบ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด ขณะนี้มีเข้ามาแล้ว 4,000 คน ยังไม่ครบ 5,000 คน ตามที่สมาคมชาวไร่อ้อยขอไว้ โดยให้อยู่ในประเทศไทยได้ 7 วัน ซึ่งแรงงานที่เข้ามาต้องผ่านการตรวจสุขภาพและขอใบอนุญาตตามกฎหมาย
ทางด้าน นายพรพจน์ เพ็ญพาส ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ระบุว่า การแก้ไขการปฏิบัติตามมาตรการการขนส่งอ้อย ซึ่งต้องปฏิบัติเหมือนกันทั่วประเทศ 20 ข้อ ซึ่งจังหวัดสระแก้วในปีนี้มีผลผลิตอ้อยจำนวนมาก ทางสมาคมชาวไร่อ้อยและโรงงานได้ขออนุโลมข้อยกเว้นบางข้อ แต่จะออกเป็นประกาศจังหวัดสระแก้วแทน สำหรับมาตรการ 19+1 ข้อ ให้ดำเนินการจะค่อยเป็นค่อยไป ตามที่เห็นชอบร่วมกัน เช่น การบรรทุกอ้อยสูงจากพื้นที่ 3.80 เมตร ลดลงมาตามข้อกำหนดร่วมกัน และป้ายสะท้อนแสงที่กำหนดให้ติดที่รถบรรทุกทุกคัน ต้องดำเนินการให้เป็นข้อความปัจจุบันและเห็นได้อย่างชัดเจน
สำหรับโรงงานในจังหวัดสระแก้ว ปัจจุบันสามารถผลิตน้ำตาลได้สูงเป็นลำดับที่ 4 ของประเทศ และคาดว่า ในปีต่อ ๆ ไปจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านตันต่อปี โดยมีแนวทางในการนำรถตัดอ้อยมาทดแทน และลดจำนวนแรงงานต่างด้าวที่ต้องจ้างมาตัดอ้อย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะ ได้เข้าเยี่ยมชมการขนอ้อยเข้าสู่โรงงานด้วย
อย่างไรก็ตาม นายมนตรี คำพล นายกสมาคมเกษตรกรชายแดนบูรพา เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เกิดปัญหาการเรียกรับส่วยเป็นรายหัว จากแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาเกิดขึ้น แม้จะมีการทำบอร์ดเดอร์พาส ตามที่มีการตกลงไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตาม ส่งผลให้เกิดความโกลาหลอย่างมาก แรงงานชาวกัมพูชาไม่สามารถเข้ามาทำงานได้ สร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยอย่างมากกว่า 5,000 คน จึงเตรียมรวมตัวกันเพื่อเข้าพบพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังบูรพา และผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่ศาลากลางจังหวัด ในวันที่ 12 ธ.ค. แต่ปรากฏว่า มีการเรียกมาพูดคุยและยินยอมตามข้อเสนอดังกล่าวเสียก่อน.
