สระแก้ว – เจ้าหน้าที่ทหาร ตชด.และศุลกากร ตรวจเข้มชายแดนไทย-กัมพูชา จับกุมขบวนการลักลอบนำข้าวเปลือกเขมรข้ามแดน 11 คัน น้ำหนักรวมกว่า 30-40 ตัน เตรียมส่งดำเนินคดีทุกราย พร้อมยึดรถไว้ 60 วัน หลังประชุมร่วมไทย-กัมพูชา สั่งห้ามนำข้าวเปลือก สินค้าต้องห้ามเข้าโดยเด็ดขาด ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อป้องกันปัญหาราคาข้าวในประเทศตกต่ำ
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 19 ธ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 1 บ้านแสง์ (สะ-แหง๋) ม.2 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ได้นำรถยนต์บรรทุกข้าวเปลือกประเภทรถไถและรถอีแต๋น จำนวน 11 คัน ที่บรรทุกข้าวเปลือกลักลอบนำเข้ามาจากฝั่งประเทศกัมพูชาเต็มคันรถ จากบริเวณช่องทางธรรมชาติระหว่าง จุด ต.08-ต.09 น้ำหนักรวมประมาณ 30-40 ตัน โดยมี นายอารยันต์ ท่าใหญ่ นายอำเภอตาพระยา , พ.ต.อ.ฐาปนนท์ หน่องพงษ์ ผกก.กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 และ พ.อ.ถิรเดช ลิ้มคุณากูล รอง ผบ.ฉก.ตาพระยา ร่วมกันสอบสวนชาวบ้านและเจ้าของรถยนต์ ลักลอบนำข้าวเปลือกจากประเทศกัมพูชาทั้ง 11 ราย ซึ่งอ้างว่า รับจ้างบรรทุกข้าวเปลือกมาจากฝั่งประเทศกัมพูชาเพื่อขายให้กับพ่อค้าฝั่ง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ภายหลังจากอำเภอตาพระยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมร่วมกับฝั่งประเทศกัมพูชา เพื่อกำหนดแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายดังกล่าว เข้าประเทศไทยบริเวณแนวชายแดนเพียงวันเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจับกุมดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวเข้าประกบขบวนการลักลอบนำเข้าข้าวเปลือกข้ามชายแดนโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากรฯ ในบริเวณแนวชายแดนห่างจากจุดผ่อนปรนตาพระยา 10 กม. เพื่อแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าข้าวโดยผิดกฎหมาย ในช่วงที่ข้าวเปลือกในประเทศกำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตออกสู่ตลาด กระทั่งทราบว่า จะมีการนำข้าวเปลือกข้ามแดน จึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทหาร จากหน่วยเฉพาะกิจตาพระยา กองกำลังบูรพา เข้าร่วมจับกุมระหว่างขนข้าวข้ามบริเวณแนวชายแดน ห่างถนนศรีเพ็ญ เพียง 100-200 เมตรเท่านั้น
ข่าวน่าสนใจ:
- หญิงไทยเสียชีวิตปริศนา แฟนต่างชาตินอนอยู่กับศพ 3 วัน ตำรวจเร่งสอบหาสาเหตุ
- นครพนม เปิดคลิป วัยรุ่น เหิมหนัก ยกพวกใช้มีดไล่ฟันคู่อริ พร้อมทุบทำลายทรัพย์สินอย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย
- "กรุงเทพฯ ดีต่อใจ" ชวน ฮีลกาย..ฮีลใจ รับปีใหม่ 3-5 ม.ค.68
- หมดวาระอบจ.ตรัง รุ่งขึ้น “บุ่นเล้ง” เปิดตัวทันควัน ใช้ชื่อ “ทีมนายกบุ่นเล้ง” แทน “ทีมกิจปวงชน” ชูนโยบาย “รวมพลังที่ยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนตรังให้เป็น 1”
ทั้งนี้ ผู้ถูกจับกุมทั้ง 11 ราย จะถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 ข้อหาลักลอบนำเข้าโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร พร้อมกับยึดข้าวเปลือกทั้งหมดไว้ ส่วนรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด จะถูกยึดไว้เป็นเวลา 60 วัน ตามมาตรการป้องกันการลักลอบนำเข้าข้าวเปลือกที่หน่วยงานประกาศไว้ดังนี้ คือ 1.ห้ามมีให้มีการนำเข้าข้าวเปลือกเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเด็ดขาด ไม่ว่าช่องทางใด 2.กรณีมีการจับกุมข้าวเปลือกที่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทย หากมีการขัดขวาง จะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเฉียบขาด 3.กรณีการนำเข้าข้าวเปลือกตามวิถีชายแดนเพื่อการอุปโภค บริโภค ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ และ 4.สำหรับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน ห้ามมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการนำเข้าข้าวเปลือกโดยเด็ดขาด รวมถึงให้เพิ่มความเข้มงวดกวดขันในการปฏิบัติหน้าที่ หากพบว่าผู้ใดเข้าไปมีส่วนร่วมหรือปล่อยปละละเลย จะถูกลงโทษทันที
ทางด้าน นายอารยันต์ ท่าใหญ่ นายอำเภอตาพระยา เปิดเผยว่า สำหรับการป้องกันการแก้ปัญหาลักลอบการนำข้าวเปลือกเข้ามาในราชอาณาจักร หน่วยเฉพาะกิจตาพระยา กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ตำรวจในพื้นที่ และหน่วยงานฝ่ายปกครอง เรามีมาตรการร่วมกันในการที่จะป้องกันสกัดกั้นการลักลอบนำข้าวเปลือกมาในราชอาณาจักร โดยหลักการคือ ถ้ามีการลักลอบนำเข้ามา หากเจ้าหน้าที่พบเจอก็จะจับกุมดำเนินคดีทุกราย
” เราเข้มงวดมาโดยตลอด เพียงแต่เรื่องการสร้างความรับรู้กับพี่น้องประชาชนให้เข้าใจว่า การนำข้าวเปลือกเข้ามา มันส่งผลกระทบกับข้าวภายในประเทศ ทำให้เกษตรที่ทำนาได้รับความเดือดร้อน ข้าวราคาอ่อนตัวลง ทางรัฐบาล กองทัพบก รวมไปถึงจังหวัดเองก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้ และสั่งการให้หน่วยงานทุกหน่วยงานที่เป็นหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดนได้มีการเข้มงวด ณ ขณะนี้และตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้ามีการลักลอบนำข้าวเข้ามาเราก็จะจับกุมและดำเนินคดีทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายที่ขัดขวางการจับกุมเราก็จะดำเนินคดีทั้งยึดข้าว ยึดรถ รวมไปถึงดำเนินคดีอาญาไปถึงบุคคลที่กระทำความผิดด้วย ” นายอำเภอตาพระยา กล่าว
——————————-
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: