สระแก้ว – ภัยแล้งคุกคาม !! ชาวนาพื้นที่ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ไม่ท้อทำนารอบที่ 3 เสียหายแล้วจำนวนมาก หลังปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเติมน้ำในเขื่อนและพื้นที่นาข้าวนอกเขตชลประทานได้กว่า 160,000 ไร่ พบภาพทางอากาศเห็นพื้นที่ภัยแล้งแล้งชัดเจน นาข้าวขาดน้ำ ต่างจากพื้นที่นาข้าวอำเภออื่น ๆ ชัดเจนที่มีน้ำขังในนาข้าวเป็นทุ่งเขียวขจี ชาวนาระบุ ข้าวตายหมด ดินแตกระแหง บางส่วนแค่ฟื้นตัวไม่แห้งตาย ถ้าไม่มีฝนมาแช่ต้นข้าว 40-50 ซม.ภายในต้น ก.ย.นี้ ชาวนาไม่ได้ข้าวกินแน่นอน
เมื่อวันที่ 29 ส.ค.61 ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ภายหลังเกิดปัญหาภัยแล้งอย่างหนักจนนาข้าวกว่า 200,000 ไร่ เสี่ยงได้รับความเสียหาย เนื่องจากพื้นที่ตั้งอยู่ในแนวที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากพายุฝนหรือลมมรสุมต่าง ๆ เท่าที่ควร ทำให้นาข้าวบางส่วนยืนต้นตายและมีการไถหวานข้าวเป็นรอบที่ 3 โดยยังไม่ใครสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวได้เลย “นายหอม วารีใส” อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 225 ม.3 บ้านหนองปรือ ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว บอกว่า ปีนี้ปลูกข้าวจำนวน 18 ไร่ ถ้าฝนไม่มาภายในต้นเดือนกันยายน ซึ่งปกติข้าวต้องมีน้ำแช่ต้นข้าวสูง 40-50 ซม.แล้ว แต่ตอนนี้นาข้าวพื้นดินแตกระแหง แม้จะมีการทำฝนเทียม แต่ก็ช่วยบรรเทาให้ข้าวฟื้นตัวไม่แห้งตายได้บ้างเท่านั้น
นายทองคำ วารีใส อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 ม.13 บ้านทุ่งทะเล ต.ทัพราช บอกอีกว่า พื้นที่ อ.ตาพระยา เป็นพื้นที่เงาฝน เวลาที่มีการทำฝนเทียม ส่วนมากลมจะพัดฝนไปตกที่ฝั่งประเทศเขมร ส่วนใหญ่ฝนที่ตกที่ อ.ตาพระยาจะเป็นฝนจากมรสุมจากภาคเหนือเข้ามาทางสระแก้วและบุรีรัมย์ฝนจึงจะตกพื้นที่ตาพระยา และปีนี้ตนทำนาจำนวน 13 ไร่ ถ้าฝนไม่มาภายใน 10 ก.ย.นี้ ในพื้นนาไม่มีน้ำมาแช่ต้นข้าวที่หวานรอบที่ 3 อายุเดือนกว่า ๆ คิดว่า คงจะไม่ได้ข้าวกินกันแน่นอน สิ่งที่ชาวบ้านอยากได้มากคือ การก่อสร้างเขื่อนห้วยสะโตน จะได้มีน้ำจากโครงการชลประทานมาทำนาโดยไม่ต้องรอฟ้ารอฝนอีกต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
นางดวงดาว วงค์ทำเนียบ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136 ม.3 ต.ทัพราช กล่าวว่า ปีนี้ทำนา 40 ไร่ ตั้งแต่หว่านก็ไม่มีฝนตกลงมาเลย คิดว่า ปีนี้คงไม่ได้กินข้าวแน่นอน อยากให้ทางรัฐบาลช่วยด้วย ทางตาพระยาแล้งมาก ชาวบ้านทุกคนแถบนี้ประสบปัญหาเหมือนกันหมด ส่วนการทำฝนเทียมเพื่อช่วยเหลือก็มาบ้าง แต่ก็ได้น้ำนิด ๆ หน่อย ๆ ชาวบ้านก็ขอขอบคุณทางราชการที่มาช่วยทำฝนเทียมให้ชาวบ้าน เพื่อนบ้านก็หวานข้าวพร้อมกัน 40 กว่าไร่ก็ตายหมดแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ขึ้นบินร่วมกับทีมงานปฏิบัติการฝนหลวง จ.สระแก้ว โดยมีนายพรพจน์ เพ็ญพาส ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และนายรณรงค์ นครจินดา รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ขึ้นเครื่องบินเกษตรฝนหลวง เพื่อสำรวจพื้นที่ประสบภัยแล้งเขตพื้นที่ อ.ตาพระยา โดยมี น.อ.สุวิทย์ กุลสวัสดิ์ ผบ.ฝูง 206 ให้การต้อนรับ หลังชุดปฏิบัติการฝนหลวงเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.61 รวม 18 วัน ซึ่งประกอบด้วย เครื่องบินคาราแวน 3 เครื่องและเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ โดยพบความแตกต่างของพื้นที่การเกษตรชัดเจน นาข้าวเขต อ.ตาพระยา อยู่ในสภาพขาดน้ำ มีแปลงนาข้าวส่วนหนึ่งได้ไถนาข้าวทิ้งและหวานข้าวใหม่จำนวนมาก ต่างจากพื้นที่นาข้าวอำเภออื่น ๆ ที่มีปริมาณน้ำขังในนาข้าวเป็นทุ่งนาเขียวขจี
สำหรับการขึ้นบินปฏิบัติการทำฝนหลวงแต่ละครั้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่จะจัดเตรียมผสมสารฝนหลวง เพื่อบรรจุกระสอบปุ๋ยลำเลียงขึ้นเครื่องไว้พร้อม เมื่อสภาพอากาศเหมาะสม เครื่องบินทั้ง 3 ลำจะขึ้นบินทันที โดยนักบินจะบินเข้าโจมตีและโปรยสารฝนหลวงผ่านช่องทางใต้ท้องเครื่องด้วยเจ้าหน้าที่ 2 นาย ในบริเวณที่มีกลุ่มเมฆฝนเหนือพื้นที่อำเภอตาพระยา เพื่อให้เกิดการทำปฏิกิริยาในชั้นบรรยากาศและก่อตัวเป็นกลุ่มฝนตกในพื้นที่เป้าหมาย
นายสุรพันธ์ สุวรรณไพบูลย์ หน.หน่วยบริการฝนหลวง จังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ภายหลังตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.61 ขณะนี้บินไปทั้งสิ้น 48 เที่ยวบิน เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว สามารถทำให้มีฝนตกนอกพื้นที่เขตชลประทานครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 160,000 ไร่ ทำให้นาข้าวในที่ลุ่มเริ่มมีน้ำขังขึ้นมาบ้าง ส่วนในที่ดอน ดินเริ่มมีความชุ่มชื้น ข้าวกำลังตั้งต้นเจริญเติบโต ถือว่า สถานการณ์น้ำเริ่มดีขึ้นแล้ว หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดสระแก้วก็จะยังคงเร่งปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพื้นที่เกษตรและเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ที่แห้งขอดอย่างมากแม้จะเป็นช่วงฤดูฝนให้เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งแหล่งเก็บน้ำของเกษตรกรไว้ใช้ทำการเกษตรในฤดูแล้งด้วย
ทางด้าน นายพรพจน์ เพ็ญพาส ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า จังหวัดสระแก้วที่ผ่านมาทุกพื้นที่มีฝนตกค่อนข้างดี ยกเว้นที่ อ.ตาพระยา ทางอำเภอจึงแจ้งทางจังหวัดเพื่อขอความอนุเคราะห์จากกรมฝนหลวง ในการทำฝนเทียมในพื้นที่เหนืออ่างห้วยยางที่มีปริมาณน้ำค่อนข้างน้อยและนาข้าวของเกษตร โดยทำเรื่องขอไปตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.61 และกรมฝนหลวงเริ่มตั้งศูนย์ปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.เป็นต้นมา ซึ่งก็ทำให้มีฝนตกประมาณ 13 วัน โดยนาข้าวก่อนที่ฝนหลวงจะเข้ามาดำเนินการ มีฝนตกน้อยมาก นาข้าวมีโอกาสที่จะสูญเสียผลผลิตค่อนข้างสูงมาก เมื่อได้เริ่มปฏิบัติการแล้วและมีฝนตก ทำให้ต้นข้าวที่คาดว่าจะเสียหายเริ่มฟื้นตัว แต่ผลผลิตอาจจะไม่ดีเพียงพอ จึงต้องขอความกรุณาทางกรมฝนหลวงทำฝนเทียมในพื้นที่ต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: