สระแก้ว – ศาลจังหวัดสระแก้วเอาจริง สั่งจำคุก 3-4 เดือน 16 ราย ฐานละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และหลบหนีข้ามแดนบริเวณพื้นที่ช่องทางธรรมชาติ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยไม่ผ่านช่องทางหนีกักตัว
เมื่อวันที่่ 6 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจตาพระยา กองกำลังบูรพา ได้บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ร่วมกันตรวจสอบ รถยนต์จำนวน 3 คัน หมายเลขทะเบียน รถตู้ ฮย-5969 กรุงเทพมหานคร,รถยนต์เชฟโลเลต 4กอ-6652 กรุงเทพมหานคร และรถเก๋งยี่ห้อซูซุกิ 5กญ-2361 กรุงเทพมหานคร พบแรงงานชาวไทยที่ทำงานในบ่อนคานิโนเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ได้ลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ตามช่องทางธรรมชาติและติดต่อรถยนต์คันดังกล่าวให้มารับคนไทยที่ลักลอบ จำนวน 13 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย 1 ราย ที่บริเวณบ้านโนนสูง ม.2 ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และสามารถจับกุมผู้นำพาอีก 4 ราย เป็นคนขับรถคือ นายธวัชชัย ดีน้อย ,น.ส.บังอร การหนองใหญ่ ,นางชูศรี ดารศรี และบุคคลไม่ทราบชื่ออีก 1 ราย เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมและส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.โคกสูง ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมส่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการกักตัวด้วย
ล่าสุด พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผกก.สส.ตร.ภ.จว.สระแก้ว เปิดเผยว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ส่งฟ้องศาลกรณีดังกล่าวในข้อหาเข้าเมืองผิดช่องทางและผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ปรากฏว่า ศาลจังหวัดสระแก้วมีคำพิพากษา กรณีผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมดังกล่าวและ สภ.โคกสูงได้ส่งดำเนินคดีนั้น ผู้ต้องหา 12 คน ที่ลักลอบเข้าไทย ศาลสั่งจำคุก 1 เดือน ในข้อหาไม่เข้าช่องทางถูกต้องฯ และจำคุก 3 เดือน ข้อหา ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รวมจำคุก 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งเด็ก 1 คนไม่ได้ส่งดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 คน ที่เป็นผู้ไปรับหรือผู้นำพาจากชายแดนไทย-กัมพูชา ศาลสั่งจำคุก 3 เดือน ฐานผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยไม่รอลงอาญา เช่นกัน
ข่าวน่าสนใจ:
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งเตือนว่า ในช่วงที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ห้ามไม่ให้ประชาชนออกนอกเคหสถานในช่วงเวลา 22.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้นนั้น ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ส่วนการเดินทางข้ามแดนโดยไม่ผ่านช่องทางที่ถูกต้อง ตาม พรบ.ตรวจคนเข้าเมือง มาตรา 62 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 11 หรือมาตรา 18 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง มีสัญชาติไทย ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท ซึ่งถือว่า กรณีนี้ศาลลงโทษจำคุกเพื่อไม่ต้องการให้มีหลายคนเอาเยี่ยงอย่าง ในภาวะที่จำเป็นต้องมีการควบคุมการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเข้มงวดในปัจจุบันด้วย
——————————-
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: