สระแก้ว – ตำรวจแถลงออกหมายจับ 2 ทีมฆ่าเจ้าของปั๊มน้ำมันสระแก้ว ระบุ นายพันศักดิ์ หรือ พ.ต.ท.พันศักดิ์ มงคลศิลป์ อดีตนายตำรวจที่พัวพันคดีอุ้มฆ่าหลายคดี หลบหนีอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง เป็นมือลั่นไกยิงเจ้าของปั๊มน้ำมันกลางเมืองสระแก้ว พร้อมทั้งยืนยันผู้บงการ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าของปั๊มน้ำมันเดิม หลบหนีไปภาคอีสาน และเข็นรถวีลแชร์ลงน้ำฆ่าตัวตายหนีความผิดแล้ว
ข่าวน่าสนใจ:
เมื่อเวลา 11.45 น.วันที่ 5 ต.ค.61 ที่ สภ.เมืองสระแก้ว อ.เมือง จ.สระแก้ว พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว แถลงข่าวร่วมกับ พ.ต.อ.ภิรมย์ จันทราภิรมย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว, พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย พวงสมบัติ ,พ.ต.อ.อภิรักษ์ เวชกาญจนา รองผู้บังคับการฯ และนายตำรวจที่ดูแลคดียิงเจ้าของปั๊มน้ำมันกลางเมืองสระแก้วเสียชีวิต ภายในซอยโรงเลื่อย ถ.เทศบาล 6 เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ตำรวจได้ออกหมายจับ นายพันศักดิ์ มงคลศิลป์ อายุ 62 ปี หรือ พ.ต.ท.พันศักดิ์ มงคลศิลป์ อดีตนายตำรวจนักสืบที่พัวพันคดีอุ้มฆ่าหลายคดี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร
พล.ต.ต.สุรจิต เปิดเผยว่า ตำรวจได้ออกหมายจับ นางธนพร สุขโขจัย อายุ 50 ปี ซึ่งร่วมก่อเหตุฯ ตามหมายจับเดิม ในคดียักยอกทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.60 พร้อมทั้งตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วขอตั้งรางวัลนำจับให้กับประชาชนที่แจ้งเบาะแส จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 50,000 บาท ทั้งนี้ ตำรวจได้สอบสวนทั้งหลักนิติวิทยาศาสตร์และใช้เทคโนโลยีในการตรวจสถานที่เกิดเหตุโดยละเอียดรอบคอบด้วยทีมสืบสวนผู้ชำนาญการ จึงได้ออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย
“คดีนี้เป็นเรื่องของปมขัดแย้งทางด้านส่วนตัว ประกอบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จุดที่เกิดเหตุประกอบกัน ซึ่งก็เป็นต้นเหตุหรือประเด็นปัญหาในการยิงครั้งนี้ ” พล.ต.ต.สุรจิต กล่าว และว่า กรณีเจ้าของปั๊มน้ำมันเดิมได้เสียชีวิตแล้วนั้น ได้รับการยืนยันแล้วว่า นายดำรงฤทธิ์ กิตติวราภรณ์ หรือ “เฮียท๊ง” อดีตเจ้าของปั๊มที่เกิดเหตุที่เสียชีวิตแล้ว ตอนนี้กำลังให้ทีมพนักงานสอบสวนของ สภ.เมืองสระแก้ว เดินทางไปที่ สภ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ เพื่อไปพิสูจน์ทราบกรณี “เฮียท๊ง”เสียชีวิต เบื้องต้นที่รับทราบคือ เป็นการฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด เพราะมีความเชื่อมโยงในกระบวนการด้วย
พ.ต.อ.ภิรมย์ จันทราภิรมย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว กล่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุจึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืน 0.380 จำนวน 5 ปลอก หัวกระสุน 2 หัว และมีผู้เสียชีวิต คือ นายประชา วรทัด อายุ 52 ปี เจ้าของปั๊มน้ำมัน และ นางปาลิตา วรทัด ภรรยาได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนคำให้การของพยาน พบว่า บุคคลตามหมายจับเป็นผู้ก่อเหตุยิงผู้ตาย จึงรวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นขอหมายจับต่อศาล ซึ่งมั่นใจในการสืบสวนสอบสวนว่า ทุกอย่างที่ปรากฏเชื่อมโยงถึงกันหมด โดยผู้ต้องหา มือปืนและผู้ร่วมเป็นใคร มีความล่าช้าในเรื่องเอกสารทางการเงิน แต่ยืนยันว่า คดีนี้สมบูรณ์มาก ๆ
ผกก.สภ.เมืองสระแก้ว ยังระบุอีกว่า สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในขณะนี้ โดยเฉพาะ นายพันศักดิ์ มงคลศิลป์ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ขณะนี้ทราบว่ายังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง โดยมีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับด้วยกัน เป็นภรรยาใหม่ ซึ่งทั้งคู่อยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทีมสืบสวนสอบสวนว่า ตำรวจ สภ.ลืออำนาจ มีการรับแจ้งว่า มีคนจมน้ำเสียชีวิต ที่สระน้ำในทุ่งนาด้านทิศตะวันออก ของบ้านเปือย ต.เปือย อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 กม. จึงแจ้งแพทย์ รพ.ลืออำนาจ เข้าไปร่วมตรวจสอบจนทราบ ชื่อผู้เสียชีวิต คือนายดำรงฤทธิ์ กิตติวราภรณ์ หรือ “เฮียท๊ง” อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 ถ.เทศบาล 7 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สระแก้ว อดีตเจ้าของปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุยิง 2 สามีภรรยา
สอบถาม นายอนันต์ นิลมาลี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 163 หมู 10 ต.เปือย อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ ทราบว่า เมื่อวันที่ 2 ต.ค.61 ผู้ตายซึ่งเคยเป็นนายจ้างของตนเอง ได้เดินทางมาจาก จ.สระแก้ว และมาขอพักอยู่ด้วย บอกเพียงว่า จะมาพักผ่อน โดยมีผู้ชายคนหนึ่งจาก จ.สระแก้ว 1 คน ขับรถมาส่ง ซึ่งผู้ตายเป็นคนผู้พิการ เป็นอัมพฤกษ์ไม่สามารถเดินได้ ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา วันที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 12.00 น. นายอนันต์ กับผู้ตายได้ออกมาที่ทุ่งนาที่เกิดเหตุ เพราะผู้ตายขอให้พาออกมา เนื่องอากาศดีกว่าอยู่ในหมู่บ้าน กระทั่งเวลาประมาณ 12.30 น.นายอนันต์ได้ขอเข้ามาซื้อข้าวในหมู่บ้านโดยตอนที่ออกมาผู้ตายนั่งอยู่บนรถเข็น กระทั่งเวลา 14.40 น.นายอนันต์ กลับมา พบว่าผู้ตายคว่ำหน้าลอยอยู่ในสระน้ำ จึงได้ลงไปช่วยขึ้นมา แต่พบว่าเสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ร่วมกับแพทย์ชันสูตรพลิกศพ และแจ้งให้ญาติของผู้ตายทราบในเวลาต่อมา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: