ปราจีนบุรี – ชาวไร่มันสำปะหลังในพื้นที่ 3 อำเภอ จ.ปราจีนบุรี โอดครวญ หลังโรคใบด่างมันสำปะหลังเกิดการระบาดหนักในพื้นที่ เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง อ.ศรีมหาโพธิ อ.นาดี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้รับผลกระทบจากโรคใบด่างในไร่มันสำปะหลังอย่างหนัก โดยโรคดังกล่าวเกิดจากแมลงหวี่ขาวที่กัดกินน้ำเลี้ยงของใบมันสำปะหลัง เมื่อต้นมันมีอายุได้ 2-3 เดือน แมลงหวี่ขาวจะกัดกินน้ำเลี้ยงจากใบมัน เมื่อใบมันถูกกัดกินน้ำเลี้ยง จะทำให้ใบหงิกงอและจะมีสีเหลือง และจะแห้งตายทำให้ต้นมันแห้งตายตามไปด้วย แมลงหวี่ขาวจะอยู่กันเป็นฝูงหลายพันตัว เหมือนแมลงหวี่ดำทั่วไป มีขนาดเล็กสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แมลงหวี่ขาวสามารถทำลายใบมันอย่างรวดเร็วมาก เพียง 1 วัน ใบมันจะเริ่มหงิกงอเหลืองและแห้งตายคาต้นมันได้
ทั้งนี้ สำหรับต้นมันที่มีความสูงราว 1.80 ซม.จะไม่โต ทำให้เกษตรกรเสียต้นพันธ์ที่จะปลูกต่อไปในฤดูกาลหน้า ต้องหาซื้อต้นพันธ์มาปลูกเป็นการเพิ่มต้นทุนในการปลูกมันเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากการลงพื้นที่สำรวจตามไร่มันพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ศรีมหาโพธิ ในพื้นที่เทศบาลกรอกสมบูรณ์ พบว่า มีการระบาดของโรคใบด่างเป็นจำนวนมากทั้งแปลง เกษตรกรบอกที่ปลูกมันแซมต้นที่ตายแล้ว 2 ครั้ง ก็ยังตายอีกเพราะฝนแล้ง ปัญหาโรคใบด่างในไร่มันสำปะหลังเคยไปปรึกษาเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอ ก็ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่า จะมีทางกำจัดแมลงหวี่ขาวได้อย่างไร
ส่วนที่ อ.นาดี และ อ.กบินทร์บุรี พบว่า มีการแพร่ระบาดจากโรคใบด่างเป็นจำนวนมากไม่แพ้กัน โดยเฉพาะที่บ้านชำโสม บ้านหนองช้างลง อ.กบินทร์บุรี เกษตรกร บอกว่า โรคใบด่างในไร่มันฯ แพร่ระบาดเร็วมาก จากแปลงนี้ลุกลามไปแปลงนั้น
นายบุญสิน เหล็กเขียว อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/3 ม.4 ต.กบินทร์บุรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ชาวไร่มันสำปะหลังหลายรายในพื้นที่ได้ประสบปัญหานี้มาก เจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอแนะนำว่า ให้ทำลายต้นมันทิ้งทั้งแปลงโดยการเผา หรือไถฝังกลบเป็นทางออกที่ดีที่สุด เป็นการทำลายแมลงหวี่ขาวให้ตายไป หากไม่ทำตามคำแนะนำก็จะพบปัญหาการแพร่ระบาดโรคใบด่างในไร่มันต่อไป ซึ่งเกษตรกรไม่กล้าที่จะทำตามคำแนะนำเพราะเป็นการลงทุนทำไร่มันอีกครั้ง ต้นพันธ์ก็หายาก จึงจำเป็นต้องปล่อยให้แมลงหวี่ขาวระบาดในไร่มันต่อไป ถึงฤดูการเก็บเกี่ยวมันตายไม่มีหัว ก็ต้องยอมรับได้แค่ไหนเอาแค่นั้น จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือด้วย
—————————–
ข่าว-ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์, ลักขณา สีนายกอง
