ปราจีนบุรี – ภรรยาปั่นซาเล้งพาสามีตาบอดเดินทางจากสระแก้วไปกรุงเทพมหานคร เพื่อไปเก็บของเก่าขายอยู่อย่างคนเร่ร่อน เพราะไม่มีบัตรประชาชนทั้งที่เป็นคนไทย
เมื่อวันที่ 31 ก.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มี 2 สามีภรรยาปั่นซาเล้งจาก จ.สระแก้ว เพื่อที่จะไปกรุงเทพฯ โดยภรรยาสาวจูงซาเล้งให้สามีนั่ง หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปยังศาลาที่พักริมทางริมทางถนน 304 ขาล่องช่วงบริเวณปากทางเข้าบ้านตรอกปลาไหล ต.ย่านรี พบชายหนุ่ม-หญิงสาววัยกลางคน กำลังพักอยู่ในศาลาริมทาง มีรถซาเล้งสภาพเก่า 1 คัน มีของเก่าเต็มคันรถ ส่วนรอบข้างซาเล้งนั้นมีรูปพระบรมฉายาลักษณ์ ร.9 หลายใบ ฝ่ายชายกำลังนั่งกินข้าว ฝ่ายหญิงนั่งข้าง ๆ ทาง จากการสอบถามชื่อ นางพะยอม ภูกาบทอง อายุ 56 ปี กล่าวว่า ตนเองเดินทางกับสามีมาจาก จ.สระแก้ว บ้านเกิดของสามี สามีชื่อนายชาย จอมหงษ์ อายุ 48 ปี สามีตาบอด เมื่อปี พ.ศ.2562 เป็นตาต้อทั้งสองข้าง มองไม่เห็น สามีกับตนอาศัยอยู่บ้านพี่สาวคนละพ่อแม่เดียวกัน รับจ้างทั่วไป
นางพะยอม กล่าวว่า หลังสามีบอกว่าอาศัยเขาอยู่ เกรงใจเขา อยากไปหาอยู่ที่อื่นตามลำพัง ตนเองเป็นชาวอีสานเคยไปทำงานอยู่ จ.นนทบุรี เช่าบ้านอยู่เก็บของเก่าขาย เมื่อสามีไม่อยากอยู่ก็จะพาสามีไป กทม. อยู่แบบคนเร่ร่อนทั่วไป สามีน้อยใจที่ไม่มีบัตรประชาชน ทั้งที่เป็นคนไทย ติดต่อขอทำบัตรคนพิการก็ทำไม่ได้ อยากไปตายเอาดาบหน้า อยู่กินกันมาตั้งแต่ปี 57 ไม่มีลูกด้วยกัน จึงปั่นซาเล้งออกมาตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ค่ำไหนนอนนั่น ตอนนี้ซาเล้งปั่นไม่ได้แล้ว ลูกปืนแตกตนจึงไสให้สามีนั่ง เหนื่อยก็เหนื่อยแต่ก็ทนเพราะไม่มีอะไรดีกว่านี้ อยากพาสามีไป กทม.ตามทาง เผื่อว่ามีคนใจบุญหรือมีใครพอที่จะช่วยรักษาตาของสามีให้มองเห็นได้ ถ้าไม่มีก็จะพากันอยู่ด้วยกันแบบนี้ต่อไป ใครให้เงินร้อยครึ่งร้อยก็เอาพอได้ซื้อข้าวกิน จูงซาเล้งเก่า ๆ มาตามทางเห็นขวดเห็นอะไรที่พอเก็บขายได้ ก็เก็บใส่ถุงแวะขายตามร้านรับซื้อของเก่าตามทางทั่วไป
นายชาย กล่าวว่า ตนเองตาบอดตั้งแต่ปี 62 เป็นต้อกระจกฝ้าฟาง มองอะไรไม่เห็น เมื่อชีวิตไม่มีอะไรดี ก็จะขอไปตามทาง ไปตายเอาดาบหน้า เผื่อว่า มีใครช่วยทำบัตรประชาชนให้ได้และพาไปรักษาตาให้หายเป็นปกติ ถ้าไม่มีทำไม่ได้ จะไม่โทษใคร ไม่มีอะไรติดตัวมามีแค่เสื้อผ้าคนละ 2 ชุดเท่านั้น ไม่มีเครื่องมือสื่อสาร ของภรรยามีแต่หายตอนแวะพักที่ปั้มน้ำมัน ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร วันนี้ขอไปตามทางก่อน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้พบเห็นสองสามีภรรยาบนถนนสาย 304 ซึ่งนางพะยอม บอกว่า จะแวะหาศาลาที่พักหุงข้าว ตำส้มมะละกอกินก่อน ค่อยเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้ โดยนางพะยอม ยอมบอกว่า บ้านเกิดอยู่ ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ จะไม่กลับไปที่บ้านเกิดอีก เพราะห่วงสามี รักสามีอยากจะดูแลสามีให้ดีที่สุดอาจเป็นเวรกรรมที่ทำมาร่วมกันก็เป็นได้ จึงยังคงยืนยันที่จะเดินทางต่อไปยังจุดหมายที่ตั้งใจไว้
————————-
ข่าว-ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์, ลักขณา สีนายกอง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: