X

ชาวบ้านหนองป่าหมากสุดทน!! บุกร้องผู้ตรวจสำนักนายกฯ โรงงานขยะ 101 ทำสารพิษเรี่ยราดสร้างความเดือดร้อน

สระแก้ว – ตัวแทนชาวบ้านหนองป่าหมาก ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เดินทางเข้าร้องเรียนผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กรณีโรงงานกำจัดขยะพิษ ประเภท 101 ทำสารพิษเรี่ยราดสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน พร้อมลงพื้นที่จริง พบมีการใช้เส้นทางสาธารณะและเส้นทางผ่านป่าไปยังบ่อขยะจริง เตรียมส่งมอบให้ผู้ตรวจฯคนใหม่ติดตามช่วยเหลือชาวบ้านต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 25 ก.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านหนองป่าหมาก ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว นำโดย น.ส.วรัญญา จันทร์ศิริ ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านหนองป่าหมาก ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว และตัวแทนชาวบ้านจำนวนกว่า 20 คน เดินทางไปที่บริเวณชั้น 2 หน้าห้องประชุมดอกแก้ว ศูนย์ราชการและศาลากลางจังหวัดสระแก้ว ขณะมีการประชุมคณะธรรมมาภิบาลจังหวัดสระแก้ว เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายณรงค์ เชื้อบุญช่วย ผู้ตรวจราชการสำนักนายกนายกรัฐมนตรี ประธานธรรมภิบาลฯ กรณีโรงงานกำจัดขยะพิษ ประเภท 101 บริษัทโปรเฟสชั่นแนลเวสเทคโนโลยี 1999 จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นโรงงานกำจัดขยะพิษ 1 ใน 3 แห่งในประเทศไทย ทำสารพิษเรี่ยราดบนถนน แหล่งน้ำและเส้นทางสาธารณะสร้างความเดือดร้อนให้พื้นที่การเกษตรและชุมชนชาวบ้านกว่า 2 เดือน โดยผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯได้รับเรื่องไว้พิจารณาตรวจสอบ และแนะนำให้ชาวบ้านร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วและศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เพื่อนำปัญหาดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาของภาครัฐไปพร้อม ๆ กัน

 

นายณรงค์ เชื้อบุญช่วย ผู้ตรวจราชการสำนักนายกนายกรัฐมนตรี ประธานธรรมภิบาลจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า จากการพูดคุยปัญหาดังกล่าวในคณะกรรมการฯ รับทราบว่า ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน โดยจะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยและแก้ไขเบื้องต้นว่า หากทำให้เกิดการตกหล่นอีก ชาวบ้านจะเข้าแจ้งความเป็นครั้ง ๆ ไปเลยได้หรือไม่ ส่วนให้ร้องไปที่ศูนย์ดำรงธรรมด้วยนั้น ก็จะได้มีกระบวนการแก้ปัญหาไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของอุตสาหกรรมจังหวัดที่ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวมทั้งชาวบ้านยังสามารถนำปัญหาขึ้นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้มีการเพิกถอนต่อไป โดยระหว่างดำเนินการขยะที่มาตกในพื้นที่ ท้องถิ่นดำเนินการอย่างไรได้บ้าง และจะมอบให้ทาง กธจ.สระแก้วช่วยติดตามต่อไปอีกทางหนึ่ง

ส่วน น.ส.วรัญญา จันทร์ศิริ ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านหนองป่าหมาก ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว กล่าวว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษาไม่ให้บริษัทนำขยะพิษและสารเคมีเข้า-ออก ในเส้นทางเดิมที่ผ่านป่าสงวนแห่งชาติ ทางผู้ประกอบการได้เลี่ยงมาใช้เส้นทางถนนเพื่อการเกษตรของชุมชน โดยมีการทำสารเคมีและขยะพิษหกเรี่ยราดเต็มถนน เมื่อชาวบ้านร้องเรียนก็แก้ปัญหาแค่ใช้เพียงรถน้ำวิ่งฉีดล้างถนนที่เป็นลูกรัง เมื่อฝนตกได้มีการชะล้างสารเคมีลงพื้นและไหลลงพื้นที่การเกษตร ไร่นา ล้นผ่านถนนมาสู่ที่ต่ำ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคของชุมชน สร้างความเดือดร้อนทั้งกลิ่นและมลพิษที่จะตามมา

“ทางชุมชนไม่ยินยอมที่จะให้ใช้เส้นทางนี้ เพราะเราไม่อนุญาตให้เป็นเส้นทางขนสารพิษ เมื่อร้องเรียนทางหน่วยงานก็ยังไม่แก้ไข แถมมาบอกว่า ห้ามเขาไม่ได้อีก จะให้ชาวบ้านยอมรับได้อย่างไร ขณะเดียวกันบริษัทแก้ไขโดยไปทำถนนควบคู่กับเส้นทางสาธารณะเดิม สุดท้ายสารพิษก็ไหลลงพื้นที่การเกษตรและแหล่งน้ำเช่นเดิม หลังจากนี้ชาวบ้านจะรวมตัวสกัดกั้นการใช้เส้นทางที่ชาวบ้านไม่ยินยอมอย่างถึงที่สุด” ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านหนองป่าหมาก กล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงเย็นวันเดียวกัน ผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ ได้ลงพื้นที่บ้านหนองป่าหมาก ม.2 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว และพื้นที่ถนนสายต่าง ๆ ที่บริษัทเอกชนใช้เป็นเส้นทางสาธารณะที่ชาวบ้านร้องเรียนเป็นเส้นทางขนย้ายขยะพิษเข้าสู่บ่อฝังกลบ เส้นทางไหลของน้ำ การสร้างถนนใหม่ของโรงงานควบคู่ไปกับถนนสาธารณะเดิม และถนนสายเดิมที่มีการฟ้องร้องว่า เป็นการใช้เส้นทางผ่านป่าสงวนแห่งชาติ จนศาลมีคำพิพากษาห้ามใช้เส้นทางไปก่อนหน้านี้ โดยพบว่า เส้นทางที่เอกชนใช้ขนสารพิษในปัจจุบัน ยังคงใช้เส้นทางสาธารณะที่ส่วนหนึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและที่ดิน สปก. จึงจะสามารถนำขยะพิษเข้าไปยังหลุมฝังกลบได้ และเตรียมส่งมอบให้ผู้ตรวจฯคนใหม่ติดตามช่วยเหลือชาวบ้านต่อเนื่องต่อไป

—————————

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"