สระแก้ว – ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว จำนวน 21 ราย ร้องเรียนกรณีถูกผู้นำหมู่บ้านปักเขตในที่ดินบรรพบุรุษยึดที่ดินเป็นสาธารณะ ส่วน อบต.ไม่ยอมให้เสียภาษี ภบท.5 เตรียมเดินทางเข้าแจ้งความอาญา มาตรา 157 ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในวันจันทร์นี้และยื่นเรื่องถวายฏีกาต่อสำนักองคมนตรี
เมื่อวันที่ 4 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่บ้านร่มไทร หมู่ 9 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว รวมตัวกันเพื่อร้องเรียนกรณีถูกผู้นำหมู่บ้านอีกหมู่บ้าน เข้าปักหลักเขตในที่ดินบรรพบุรุษเพื่อยึดเป็นที่ดินสาธารณะ จำนวนกว่า 600 ไร่ ส่วนองค์การบริหารส่วนตำบลทัพเสด็จ ก็ไม่ยอมให้ชาวบ้านเสียภาษีบำรุงท้องที่ หรือ ภบท.5 เหมือนทุกปี เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา อ้างว่าที่ดินถูกกันไว้แล้ว ทั้งที่มีข้อตกลงกันระหว่าง นายอาระยันต์ ท่าใหญ่ อดีตนายอำเภอตาพระยาและชาวบ้าน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาข้อยุติในที่ดินดังกล่าวก่อนหน้านี้แล้วว่า ไม่ใช่ที่ดินสาธารณะและยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนที่ดินในหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) โดยให้ชาวบ้านสามารถเข้าทำกินได้เช่นเดิมก็ตาม
ทั้งนี้ น.ส.วราภรณ์ เรียงเงิน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 221 ม.9 ต.ทัพเสด็จ แกนนำผู้ร้องเรียนและผู้เดือดร้อน กล่าวว่า ผู้ใหญ่อีกหมู่บ้านไปขุดฝังหลักทาสีแดง ตอนที่ชาวบ้านหว่านข้าวได้ประมาณ 1-2 เดือน จนข้าวเละไปหมด ชาวบ้านได้ไปแจ้งความแต่มีการร้องขอให้มีการไกล่เกลี่ยกันที่อำเภอตาพระยา ซึ่งตกลงว่า จะคืนนาให้ชาวบ้านได้ทำกินเหมือนเดิม แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีการนำหลักออกไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เคยถามชาวบ้านว่ายินยอมหรือไม่ คิดเห็นอย่างไร และเคยมีการประชุมไปก่อนหน้านี้ ที่ดินจังหวัด ป่าไม้และทหาร ก็สรุปว่า ไม่ใช่ที่ดินสาธารณะประโยชน์
ข่าวน่าสนใจ:
- ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เชิญส่วนราชการ เอกชน สื่อมวลชน 50 คน เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนกระตุ้นการท่องเที่ยว-เศรษฐกิจในชุมชน อย่างยั่งยืน
- จัดกิจกรรม โครงการ “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน พื้นที่ อ.คลองหาด
- ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ร่วมงานวันสถาปนาหน่วย ร.12 รอ. ครบรอบปีที่ 42 จ.สระแก้ว
- ตม.สระแก้ว บูรณาการร่วมกับ หน่วยงานข้างเคียง จับกุมไทย-เขมร 2 ราย ไม่เข้าออกตามช่องทาง
น.ส.วราภรณ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ชาวบ้านประสบปัญหาเสียภาษีบำรุงท้องที่ไม่ได้ โดยมีการขู่ว่าจะวัดเอาพื้นที่ตรงไหนก็ต้องยอมรับ ดังนั้น ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งหมดจะเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ทัพไทย อ.ตาพระยา จำนวน 21 ราย เพื่อแจ้งความดำเนินคดีอาญา มาตรา 157 กับผู้ที่ปักหลักเขตในที่่ดินของชาวบ้าน หลังจากนั้นจะเข้าไปยื่นเรื่องทูลเกล้าถวายฏีกาต่อสำนักองคมนตรี ที่กรุงเทพมหานครด้วย
นายเยือ ล้วนศิริภาพ อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ม.2 ต.ทัพเสด็จ ผู้เดือดร้อนอีกราย บอกว่า ตนเองและน้อง ๆ ถือครองที่ดินผืนนี้มาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ได้แบ่งกันคนละ 44 ไร่ แต่ยังไม่ได้แบ่งกันอีก 5 คน ประสบปัญหาจะมีการมายึดที่ดินทำกิน แม้ช่วงสมัยเขมรแดงก็บ้านแตกสาแหลกขาด พากันอพยพไปหาอยู่ที่อื่นก่อน บ้านเมืองสงบก็กลับกันมาทำที่เก่า ใช้จอบใช้เสียม ใช้ควายตั้งแต่ยังไม่มีถนนศรีเพ็ญ ทำกันมาหลายชั่วอายุคน ก็รู้สึกเสียใจ เพราะที่ทำกินกลับไม่เป็นที่ของตัวเอง อยากให้หน่วยงานช่วยเหลือให้มีที่ทำกินต่อ ไปร้องเรียนเจ้าหน้าที่ก็อยู่เฉย ตอนนี้ติดปัญหาว่า จะมีการขอคืนที่ดินไปเป็นทำเลเลี้ยงสัตว์ ซึ่งชาวบ้านไม่ยินยอม บางคนก็เสียภาษีได้ บางคนก็เสียไม่ได้
ส่วน นางวราพร แย้มศรี อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 146 ม.9 ต.ทัพเสด็จ กล่าวว่า เดินทางไปเสียภาษีที่ดินจำนวน 34 ไร่ ที่ อบต.ทัพเสด็จ เจ้าหน้าที่บอกว่า ที่นาฝั่งนี้เสียภาษีไม่ได้เพราะเป็นพื้นที่สีดำ จึงถามนายกฯ อบต.แจ้งว่า พื้นที่บริเวณนั้นทหารมาประชุมและจะลงไปตรวจสอบเร็ว ๆ นี้ และเรียกชาวบ้านขึ้นไปประชุม เพื่อให้เรายินยอมเป็นที่สาธารณะ ก่อนหน้านี้ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ นายอำเภอไกล่เกลี่ยแล้ว ทำไมถึงมาเป็นแบบนี้อีก การประชุมแต่ละครั้งไม่มีชาวบ้านเขตนี้ไปเลย ซึ่งตนเองไม่ยินยอมให้เป็นที่สาธารณะ เพราะทำกินมาก่อนตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ
ขณะที่ นายสำเภา พิมพ์สุวรรณ ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 บ้านร่มไทร กล่าวว่า ที่ดินเดิมมีการจับจองจนกระทั่งหลังการต่อสู้กับเขมรสามฝ่าย ปัจจุบันทางกัมพูชายังทักท้วงว่า เป็นดินแดนของประเทศด้วย จากการตรวจสอบกันในการประชุมครั้งสุดท้ายที่อำเภอตาพระยา มีที่ดิน สปก. ป่าไม้ เกษตรอำเภอ กำนัน และ อบต. ซึ่งก็มีการตรวจสอบกันแล้ว พื้นที่ตรงนี้ไม่เคยมีคำสั่งจากจังหวัดหรือที่ดิน รังวัดพื้นที่เป็นที่สาธารณะ กระทั่งปี 2558 ที่มีการจัดตั้งหมู่บ้านป้องกันชายแดน (ปชด.) จึงมีการจัดสรรให้เป็นหมู่บ้านเป็นพื้นที่สาธารณะ จัดสรรให้รายละ 14 ไร่เท่านั้น สรุปพื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ แต่มีการไปอ้างพื้นที่เดิมซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้เป็นที่สาธารณะ และมีข้อสรุปหลังจากประชุมกับนายอำเภอว่า ถ้าไม่ใช่ที่สาธารณะก็ให้ชาวบ้านเข้าทำกินเช่นเดิม และให้ผู้ใหญ่ที่ไปปักหลักเขตนำออกไป แต่ยังไม่มีการรื้อถอนหลักออกไปจนปัจจุบัน
ทางด้าน น.ส.สายหยุด อินทร์ประสงค์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านแสง์ (บ้านสะแหง๋) ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งเข้าดำเนินการปักหลักเขตดังกล่าว ชี้แจงว่า พื้นที่ตรงนี้สมัยปู่ย่าตายยายเป็นที่สาธารณะ เรียกว่า ทำเลสัตว์ทุ่งสำโรงสวนพระ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตั้งแต่คนที่ 1 มาจนถึงคนที่ 9 คือตนเอง ก็จะบอกลูกหลานว่า คนที่เกิดที่นี่โดยตรงจะไม่กล้าไปยุ่ง เพราะที่ตรงนี้ยืดเยื้อมานาน อย่างที่บอกนั้นไม่มีที่ทำกินหรืออย่างไร ซึ่งสรุปมีการกันที่ตรงนี้ไว้ตั้งแต่บรรพบุรุษ เอกสารก็ยังมีอยู่ ไม่ใช่เราพูดกันลอย ๆ ถ้าเอาพยานหลักฐานทั้งบุคคลและเอกสารเรามี เพราะไปถ่ายเอกสารจากที่ดินอำเภอมา เป็นที่สาธารณะแปลงที่ 6 ของหมู่บ้านนี้ อยากให้ไปตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จึงไม่อยากตอบคำถาม
“เรื่องนี้เป็นของป่าไม้ เพราะป่าไม้เป็นเจ้าของพื้นที่ ป่าไม้กับทหารจะเป็นคนคุยเอง เพราะป่าไม้บอกว่า 100% แล้วที่เป็นป่าสงวนฯ และทางเจ้าหน้าที่ทหารขอใช้พื้นที่ต่อ พื้นที่นี้เดิมอยู่ในเขต ม.2 เพราะบ้านร่มไทรเป็นเขตจัดสรรทีหลังจึงไม่อยากตอบอะไร เพราะมีหลักฐานเอกสารพร้อม ส่วน อบต.ซึ่งอยู่ระหว่างเชิญที่ดินอรัญประเทศ มาออกรังวัด เพื่อออก น.ส.ล. เนื่องจากเขาคิดว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อชาวบ้านไม่ยอมออก รุกไปเรื่อย ๆ การประชุมเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงสรุปว่า ทาง อบต.จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องและชาวบ้านประชุมกันใหม่ โดยทำเรื่องไปที่อำเภอ เพื่อเรียกผู้ใหญ่ทั้ง 12 หมู่บ้าน ในตำบลทัพเสด็จ มาพูดคุยเพื่อให้รับทราบ แต่ส่วนมาก 90% รู้พื้นที่ตรงนี้ และเชิญ สปก., ที่ดินอรัญประเทศ ป่าไม้ ทหาร ตำรวจ ตชด. ที่อยู่หน้าแนวมารับทราบตรงนี้ ส่วนการถอนหลักออกไปหรือไม่ ในวันประชุมที่อำเภอ การปักหลักไม่ได้ไปปักโดยพลการ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้มาร่วมประชุมประชาคมที่หมู่บ้าน มีบันทึกไว้หมด มีผู้เข้าร่วมประชุม 105 คน รวมทั้งผู้บุกรุกในหมู่ 2 และหมู่ 9 ก็มารับฟังด้วย” ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านแสง์ (บ้านสะแหง๋) กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวและเกรงว่า จะถูกยืดที่ดินทำกินของบรรพบุรุษไปไม่สามารถทำมาหากินได้ต่อไป เตรียมรวมตัวกันเพื่อเดินทางเข้าแจ้งความอาญา มาตรา 157 ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กับผู้ดำเนินการปักหลักเขตดังกล่าว ที่ สภ.บ้านทัพไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ในวันจันทร์ที่ 5 ต.ค.นี้ หลังจากนั้นจะทำหนังสือและรวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นทูลเกล้าถวายฏีกาต่อสำนักองคมนตรีต่อไป
—————————–
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: