สระแก้ว – พื้นที่่ชายแดน จ.สระแก้ว เข้มงวดสกัดโควิด19 จากประเทศกัมพูชาเข้าไทย
เมื่อวันที่ 30 พ.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ด่วนให้ประชาชนระวังการติดต่อของโรคโควิด19 ต้องสวมหน้ากากอนามัย อยู่กับบ้าน ล้างมือ เว้นระยะห่าง สำหรับเด็กห้ามออกนอกบ้าน ห้ามอยู่ใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะในพื้นที่ กรุงพนมเปญ กรุงเสียมราฐ กรุงศรีโสภณ และมณดลคีรี เนื่องจากผลตรวจพบคุณหญิงภริยา ผบ.เรือนจำและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กระทรวงมหาดไทยกัมพูชา พบว่า มีเชื้อโควิด19 ที่ติดต่อจากภายในประเทศ โดยมีการเปิดเผยไทม์ไลน์ว่า เดินทางไปรับประทานอาหารที่ห้าง Aeon กรุงพนมเปญ ซึ่งต้องสั่งปิดห้างและเดินทางต่อไปยังจังหวัดต่าง ๆ ตามที่กล่าวมาแต่ข้างต้น โดยขณะนี้กำลังเร่งติดตามผู้ที่ใกล้ชิดคุณหญิง เพื่อนำตัวมากักโรค ซึ่งล่าสุดพบว่า ผบ.เรือนจำ ก็ติดเชื้อจากภริยาด้วย ส่งผลทำให้มีชาวกัมพูชาหลายร้อยต้องถูกกักตัวและตรวจหาเชื้อ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดลุกลาม จนอาจต้องมีการประกาศล็อกดาวน์ประเทศได้นั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.สระแก้ว ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อแนวชายแดนประเทศไทย-กัมพูชา ระยะทางกว่า 160 กม.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สั่งการให้กองกำลังชายแดนเข้มงวดในพื้นที่ชายแดนมากขึ้นหลังเกิดสถานการณ์ระบาดในประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะหน่วยงานเจ้าหน้าที่ประจำบริเวณด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หน่วยควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่ทหารพราน ทพ.12 ,กอ.รมน.และฝ่ายปกครอง ได้ตรวจเข้มการเข้า-ออก ของรถขนส่งระหว่างประเทศ และรถยนต์ของกลุ่มพ่อค้าชาวกัมพูชาในตลาดโรงเกลือ ที่ได้รับการอนุโลมให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย วันละ 50 คัน พร้อมชาวกัมพูชา คันละ 2 คน ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.63 เป็นต้นมา เพื่อดูแลร้านค้าและขนถ่ายสินค้าในตลาดโรงเกลืออย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าฝ่ายความมั่นคง แจ้งว่า ได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบเข้มงวดในพื้นที่แนวชายแดนตลอดแนว โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสระแก้ว ได้มีการประชุมล่าสุดเมื่อสัปดาห์ผ่านมา ซึ่งยังไม่ได้มีการสั่งระงับการเข้าออกของกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาดังกล่าว ก่อนการระบาดของโควิด19 ในกัมพูชา ส่วนที่ อ.ตาพระยา เจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจตาพระยา กองกำลังบูรพา ได้จัดกำลังออกลาดตระเวนตรวจสอบการลักลอบเข้าประเทศและนำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบตามแนวชายแดนด้านอำเภอตาพระยาอย่างเข้มงวดเช่นกัน ซึ่ง พ.อ.เฉลิมเกียรติ ศิริสมบูรณ์ รอง ผบ.ฉก.ตาพระยา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับรถบรรทุกสุกรลักลอบจากประเทศกัมพูชาได้ 1 คัน ที่ถนนป่ามันบ้านเนินสมบูรณ์ ซอย 6 ม.12 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ตรวจพบรถยนต์กระบะต้องสงสัยบรรทุกสุกร จึงได้ทำการให้สัญญาณเพื่อหยุดรถและแจ้ง เจ้าหน้าที่เฉพาะกิจด่านกักกันสัตว์ตาพระยา เพื่อควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคระบาดสัตว์
จากการตรวจสอบ รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน บว-5346 บุรีรัมย์ ได้บรรทุกสุกรจำนวน 11 ตัว โดยมี นายเสถียร วิชัย อายุ 48 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 90 ม.3 ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ เป็นคนขับรถ โดยเจ้าตัวได้แสดงตนเป็นเจ้าของสุกรดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์ พบว่าไม่มีเอกสารใบอนุญาตขนย้ายสัตว์ มาแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ โดยให้การว่า เคลื่อนย้ายสัตว์มาจากบ้านกุดเตย จึงได้แจ้งข้อหา การเคลื่อนย้ายสัตว์ ไปยังที่อื่น โดยไม่มีใบอนุญาตแพทย์ประจำต้นทาง มาตรา 34 จึงได้นำตัวผู้ต้องหา มาทำบันทึกการจับกุมและนำสุกรทั้งหมด ไปกักขังไว้ที่ด่านกักกัน จ.สระแก้ว สาขาตาพระยา เพื่อตรวจสอบการติดเชื้อโรคระบาดของสัตว์และได้แจ้งข้อหาขนย้ายสัตว์ โดยไม่มีใบอนุญาตเพื่อส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนั้น พ.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า จากการเข้มงวดตรวจสอบแนวชายแดนดังกล่าว ทำให้ห้วงเวลาที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหาร กกล.บูรพา (ฉก.ตาพระยา) พร้อมด้วย ร้อย ฉก.ตชด.4 และ ฉก.ตาพระยา ได้ร่วมกันป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และป้องกันปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ จนสามารถจับกุมชากัมพูชาที่ลักลอบเข้ามาตามเส้นทางธรรมชาติ บริเวณระหว่าง จุดตรวจ จต.ส. 34-35 พิกัด TA546882 อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จำนวน 9 คน ไม่พบผู้นำพา โดยทั้ง 9 คน กำลังหอบหิ้วสัมภาระมาตามเส้นทาง ประกอบด้วย นายรน ลืย อายุ 20 ปี ที่อยู่ บ้านปรั๊วเสียมเรียบ ต.โตนแก้ม ประเทศกัมพูชา,นายสม เนียง อายุ 42 ปี ที่อยู่ บันเตียเมียนเจย อ.โอปัยเจือน ต.โอปัยเจือน ประเทศกัมพูชา, นายซอด โซยา อายุ 20 ปี ที่อยู่ บันเตียเมียนเจย อ.โอปัยเจือน ต.โอปัยเจือน ประเทศกัมพูชา, นายรวน ทม อายุ 19 ปี ที่อยู่ บันเตียเมียนเจย อ.โอปัยเจือน ต.โอปัยเจือน ประเทศกัมพูชา, นายเปต เจียด อายุ 30 ปี ที่อยู่ บันเตียเมียนเจย อ.โอปัยเจือน ต.โอปัยเจือน ประเทศกัมพูชา, นายมอญ ระรัด อายุ 37 ปี ที่อยู่ ตำบล5 บันเตียเมียนเจย อ.โอปัยเจือน ต.โอปัยเจือน ประเทศกัมพูชา, นายโฮ บบเฮย อายุ 31 ปี ที่อยู่ บันเตียเมียนเจย อ.โอปัยเจือน ต.โอปัยเจือน ประเทศกัมพูชา, นายดา โร อายุ 27 ปี ที่อยู่ ตำบล5 บันเตียเมียนเจย อ.โอปัยเจือน ต.โอปัยเจือน ประเทศกัมพูชา และนายปัน ดา อายุ 30ปี ที่อยู่ ตำบล5 บันเตียเมียนเจย อ.โอปัยเจือน ต.โอปัยเจือน ประเทศกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ ฉก.ตาพระยา ได้ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายชาวกัมพูชาทั้ง 9 คน อยู่ในเกณฑ์ปกติ จากการซักถาม ผู้ถูกจับกุมเพิ่มเติม ได้ให้การว่า อยู่หมู่บ้านเดียวกัน ได้พากันลักลอบเดินทางมาตามเส้นทางธรรมชาติดังกล่าว ข้ามเข้ามายังฝั่งประเทศไทย เพื่อจะเดินทางไป รับจ้างทำงานในพื้นที่ กทม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ผู้ถูกจับกุมทราบว่า ผู้ถูกจับกุม มีความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวชาวกัมพูชา เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงทำการบันทึกประวัติบุคคลและควบคุมตัวผู้ต้องหาและนำตัวไปส่งผลักดันออกนอกประเทศ ณ ช่องทางอนุโลมแรงงานช่องโอบายเจือน จุดตรวจ จต.ส.38 ต่อไป
——————————
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: