สระแก้ว – เกิดเหตุเศร้าสลด สองตายายจุดตะเกียงนอน เกิดไฟไหม้บ้านคลอกดับทั้งคู่ ญาติพยายามช่วยแต่ไฟลุกท่วมไหม้ดำเป็นตอตะโก พื้นที่บ้านท่ากระบาก อ.เมือง จ.สระแก้ว
เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 8 ม.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.จักรี เฉิดฉิ้ม สว.(สอบสวน) สภ.ปางสีดา ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ บ้านไม่มีเลขที่ อยู่ในบริเวณบ้านเลขที่ 94 ม.10 ต.ท่าแยก อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว จึงได้รายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วได้แจ้งแพทย์เวรโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว แจ้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดสระแก้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนฯ เดินทางไปร่วมตรวจสถานที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบสภาพบ้านถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง ภายในบ้านพบผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอกเสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายนิติ นามท้าว อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 ม.10 ต.ท่าแยก อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว และ น.ส.อำพร จันสมดี อายุประมาณ 58 ปี เป็นสามีภรรยากัน
ทั้งนี้ จากการสอบถามพยานผู้เห็นเหตุการณ์ได้ความว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.เศษ ผู้เสียชีวิตได้ร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านว่า ช่วยด้วยไฟช็อต จากนั้นเพื่อนบ้านได้ออกมาดูปรากฏว่า ไฟได้ลุกไหม้บ้านเป็นจำนวนมากแล้ว ไม่สามารถเข้าไปช่วยชีวิตทั้ง 2 คนได้ทัน เป็นเหตุให้ถูกไฟคลอก ประกอบกับมีควันไฟทำให้ขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตในเวลาต่อมาคากองเพลิง เพื่อนบ้านและชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านได้ช่วยกันดับไฟจนสนิทแล้ว ก็รอเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาร่วมตรวจสอบเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากรายงานการสืบสวนสอบสวน ทราบว่า นายนิติฯและนางอำพรฯ ผู้ตาย เป็นสามีภรรยากันโดยไม่ได้จดทะเบียน มีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน อายุประมาณ 20 ปี ทำงานก่อสร้างอยู่ต่างจังหวัด ผู้ตายทั้งสองอยู่กินฉันท์สามีภรรยามาประมาณ 30 กว่าปี ผู้ตายทั้งสองพักบ้านพักที่เกิดเหตุ ประมาณ 3 ปี โดยลักษณะบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ ยกพื้นสูง 0.5 เมตร กว้าง 3 เมตร ยาว 5 เมตร สูง 4 เมตร ใช้ฝาบ้านเป็นไม้อัดและสังกะสี เข้าออกประตูหน้าบ้านทางเดียว และผู้ตายทั้งสองไม่ได้ทำประกันชีวิต มีแต่ฌาปนกิจหมูบ้านเท่านั้น นายนิติฯ ผู้ตาย มีอาชีพรับจ้างสานเข่งปลาทู และรับจ้างทั่วไป ส่วนนางอำพรฯ ผู้ตายไม่ได้ประกอบอาชีพและมีร่างกายไม่แข็งแรง เวลาเดินต้องมีคนช่วยพยุงหรือใช้ไม้เท้า มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ได้พักรักษาตัวที่ รพร.สระแก้วมา 4 วัน จนถึงวันเกิดเหตุเพิ่งกลับมาพักบ้านหลังที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุด้วยว่า จากการสอบถามพยานบ้านใกล้บ้านพักของผู้ตาย ทั้งสองด้าน ให้การว่า ขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงนายนิติฯ ผู้ตาย ตะโกนว่าไฟช็อต ช่วยด้วย เพื่อนบ้านจึงออกมาดูพบไฟได้ไหม้บ้านไปมากแล้วและไม่สามารถช่วยเหลือได้ ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายทั้งสองไม่มีปากเสียงกันหรือทะเลาะกัน ซึ่งได้เข้านอนตามปกติ เชื่อว่า สาเหตุการเสียชีวิตของผู้ตายทั้งสองเกิดจากไฟไหม้ จากตะเกียงน้ำมันที่จุดในบ้านพัก ประกอบตามการตรวจที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานสระแก้ว และผลการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายและสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ใด และไม่มีผู้ที่จะหมายปองเอาชีวิตหรือทรัพย์สินแต่อย่างใด
ต่อมา เมื่อเวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังวัดท่ากระบาก ต.ท่าแยก พบว่า มีญาติของผู้เสียชีวิตทั้งสองรายประมาณ 20 คน ได้นำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่ศาลาวัดท่ากระบากหลังเก่า พร้อมกับร่วมกันถวายเพลพระ และเตรียมการสวดอภิธรรมศพในคืนนี้คืนเดียว หลังจากนั้นจะทำพิธีฌาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) โดยศพแรกเผาในช่วงเวลา 13.00 น.และศพที่สอง จะเผาในช่วงเวลา 16.00 น.โดยมี นางแก้ว จันสมดี วัย 86 ปี แม่ของ น.ส.อำพร จันสมดี อายุ 58 ปี ผู้เสียชีวิต อยู่ร่วมจัดการงานศพดังกล่าวด้วย
ทางด้าน นางฉวีวรรณ หินแก้ว อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 ม.10 ต.ท่าแยก อ.เมือง จ.สระแก้ว เพื่อนบ้านใกล้เคียงและอยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้ฯ เล่าว่า ผู้ตายตะโกนออกมาว่า ไฟช็อตให้ถอดปลั๊ก แต่ตนได้วิ่งออกมาดูซึ่งมีไฟลุกแล้วก็ตะโกนให้เปิดประตูออกมา พร้อมบอกชาวบ้านมาช่วย ดับไฟที่ลุกขึ้นมาก จนทำอะไรไม่ถูก จะไปช่วยบริเวณหน้าต่างก็ช่วยไม่ได้ ชาวบ้านจึงช่วยกันตักน้ำจากโอ่งข้างบ้านสาดจึงดับได้ สาเหตุเกิดจากตะเกียงที่จุดไว้ เพราะปกติจะเปิดไฟ เวลาจะนอนจะปิดไฟบ้านและจุดตะเกียงไว้ น่าจะไปโดนตะเกียงล้มใส่เสื้อผ้าที่เอากองไว้รอบบ้าน
“ไปยืนข้าง ๆ ไฟก็ลุกขึ้นแล้ว บอกให้เปิดประตูก็ไม่เปิดออกมา จนไฟลุกไหม้ไปทั้งหมด ภายในบ้านจะมีที่นอนสองอัน และเอาเสื้อผ้าแขวนไว้รอบบ้าน พอเกิดไฟไหม้ก็จะลุกลามอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครช่วยแก 2 คน ออกมาได้ ทำให้เสียชีวิตทั้งคู่” นางฉวีวรรณ กล่าว
——————————
ข่าวโดย/อารียา สำราญ ทีมข่าวสระแก้ว
