(สระแก้ว) – เกิดเหตุช้างป่า”พลายยันหว่าง”ตาย ขณะเจ้าหน้าที่ขนย้ายจาก จ.ชลบุรี มาที่สถานกักกันช้างฯ จ.สระแก้ว คาดวางยาซึมเกินขนาด เพื่อติดปลอกคอและนำขึ้นรถบรรทุกนานกว่า 6 ชม.จนช้างล้ม ขณะที่เจ้าหน้าที่ชี้แจงสาเหตุการตายเบื้องต้น เกิดจากสภาวะสัตว์มีอาการสำลักเศษอาหารเข้าสู่หลอดลมอย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้สัตว์หายใจไม่สะดวกและขาดอากาศหายใจอย่างรวดเร็ว
เมื่อวันที่ 24 ม.ค.64 ผู้สื่อขาวรายงานว่า ภายหลังช่วงกลางดึกคืนวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา นายพิทักษ์ ยิ่งยง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรี พร้อมทีมสัตวแพทย์ใช้ปืนยิงยาสลบ “พลายยังหว่าง” อายุประมาณ 7-8 ปี ที่บุกเข้าไปในชุมชนและอาละวาดในโรงเรียนก่อนหน้านี้ เพื่อติดปลอกคอและเคลื่อนย้ายช้างป่าพลายยันหว่าง จาก อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี ไปยังพื้นที่โครงการศูนย์บริการจัดการช้างป่าเขาตระกรุบ ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว แต่ช้างได้สิ้นลมหายใจขณะเคลื่อนย้ายคาดว่า เกิดจากการวางยาซึมที่เกิดขนาด โดยการดำเนินการดังกล่าวมี นายอำนาจ ม่วงปรางค์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.2 (ศรีราชา) นายพิทักษ์ ยิ่งยง หัวหน้าฝ่ายวิชาการ สสป.สบอ.2 (ศรีราชา)และหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ พร้อมทีมสัตวแพทย์ สัตวบาล สสป.สบอ.2 (ศรีราชา) คณะเจ้าหน้าที่ื สสป.สบอ.2 (ศรีราชา) สัตวแพทย์ ประจำ สบอ.14 (ตาก) สัตวแพทย์ประจำ สพล.บางละมุง จ.ชลบุรี ชุดเคลื่อนที่เร็ว เฝ้าระวังผลักดันช้างป่าและแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน เข้าดำเนินการจับและเคลื่อนย้ายช้างป่าพลายยันหว่างมายังพื้นที่โครงการศูนย์บริหารจัดการช้างป่าเขาตะกรุบ ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการยิงยาซึมและดักจับพลายยันหว่างได้ เวลา 23.07 น.ของวันที่ 23 ม.ค.64 พร้อมกับใช้ระยะเวลารวมทั้งนำช้างป่าพลายยันหว่างขึ้นรถขนย้ายและเดินทางมาถึงโครงการศูนย์บริหารจัดการช้างป่าเขาตะกรุบ ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว มีระยะเวลารวม 6 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่่พบว่า ช้างป่าพลายยันหว่างมีอาการผิดปกติขณะอยู่บนรถขนย้าย ช่วงพื้นที่ จ.สระแก้ว ช่วงเช้ามืดวันที่ 24 ม.ค.64 ระยะทาง 5 กิโลเมตรก่อนถึงพื้นที่โครงการศูนย์บริหารจัดการช้างป่าเขาตะกรุบฯ โดยช้างป่าพลายยันหว่างมีอาการทรุดตัวลง ช่วงบริเวณลำคอพาดกับไม้ที่กั้นบล็อคส่วนของหน้าอกไว้ ทำให้หายใจลำบาก และเมื่อรถขนย้ายช้างป่าพลายยันหว่างมาถึง ช้างป่าพลายยันหว่างได้ตายลง โดยทีมสัตวแพทย์ สัตวบาลและเจ้าหน้าที่ ร่วมกันช่วยชีวิตแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ
ข่าวน่าสนใจ:
ทั้งนี้ นายอำนาจ ม่วงปรางค์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าฯ ได้รายงานกรณีนี้ว่า การใช้ยาซึมและยาแก้ฤทธิ์การซึมของสัตวแพทย์ เป็นไปตามหลักวิชาการ แต่เนื่องจากระยะทางที่ไกล(กระบวนการตั้งแต่เริ่มจนถึงปลายทาง) ใช้ระยะเวลานาน ทำให้ส่งผลต่อสุขภาพของสัตว์ได้ ทีมสัตวแพทย์ สัตวบาล จะได้ทำการผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ และจะนำส่งตัวอย่างเลือดที่เก็บมาขณะช้างป่าพลายยันหว่างมีชีวิตและตายลง เพื่อส่งตรวจสุขภาพ หาค่าตับ ค่าไต เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และตรวจโรคที่สำคัญในช้างด้วย
ล่าสุด นายพิทักษ์ ยิ่งยง หัวหน้าฝ่ายวิชาการ สสป.สบอ.2 (ศรีราชา)และหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ ได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวและเผยแพร่หนังสือผลการตรวจสอบกรณีดังกล่าว ระบุว่า ต้องรอผล Lap การตรวจอวัยวะภายในของ”พลายยันหว่าง” จากสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ กรมปศุสัตว์ ,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพิ่มเติม ทั้งนี้ เนื่องจากสัตวแพทย์ได้ผ่าชันสูตรช้างที่ตาย พบว่า มีเศษอาหารอุดตันบริเวณหลอดลม ตับ ไต มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ม้ามซีด ลำไส้มีจุดแดง ซึ่งก็ต้องให้ผู้รู้อธิบายอีกทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายและอวัยวะภายในของเขา โดยที่เขาหากินอาหารอยู่ตามพื้นที่เกษตรกรรม บ้านเรือนและชุมชนของประชาชนมาเป็นระยะเวลานาน และมีผลอย่างไรกับการออกฤทธิ์ของยาซึมหรือไม่อย่างไร
นายพิทักษ์ ระบุด้วยว่า ในส่วนของการทำหน้าที่หัวหน้าทีมในครั้งนี้ ผมต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นตามระเบียบของทางราชการอย่างแน่นอน จะมากน้อยประการใดนั้นไม่ทราบได้ ส่วนการใช้ยาของสัตวแพทย์นั้นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สำหรับการใช้ยากับช้างป่าในภาวะปกติไม่ได้มากเกินแต่ประการใด เมื่อกับน้ำหนักของช้างป่าตัวนี้ สำหรับการตัดสินใจให้ยาแก้ฤทธิ์ยาซึมนั้น จะแบ่งเป็น 3 ช่วงเวลาคือ 1.ก่อนขึ้นรถบรรทุก ช่วงนี้หากผิดพลาดสามารถให้ยาแก้ได้ตลอดเวลา 2.ขณะอยู่บนรถบรรทุก หัวหน้าทีมก็ต้องเลือกว่า จะเอาช้างหรือจะเอาคนที่อยู่กับช้างในรถบรรทุก 3.ก่อนปล่อยลง เมื่อถึงพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งช่วงเวลาที่ 1 และ 3 นั่นไม่มีปัญหาอะไร แต่หากเกิดเหตุและต้องให้ยาแก้ขณะนำช้างเคลื่อนที่ในช่วงที่ 2 โดยมีทีมสัตวแพทย์ เจ้าหน้าที่ดูแลช้างที่อยู่ในกระบะรถบรรทุกร่วมกับช้างป่า รวม 8 นาย จะถูกหรือผิดประการใดผมได้เลือกที่จะรักษาชีวิตของเจ้าหน้าที่ทั้ง 8 นายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงาว่า ภายหลังมีการผ่าพิสูจน์ซากช้างพลายยันหว่างเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่่ได้ร่วมกันทำพิธีขอขมา และฝังซากช้างดังกล่าวตามระเบียบ ซึ่งภายหลังกลุ่มอนุรักษ์ช่วยเหลือสัตว์ป่า ได้นำกรณีนี้ไปเผยแพร่ทางเพจ มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงสาเหตุการตายและไว้อาลัยต่อการจากไปของช้างป่าพลายยันหว่างจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ตามรายงานผลการตรวจสอบ สัตวแพทย์สันนิษฐานสาเหตุการตายเบื้องต้น เกิดจากสภาวะสัตว์มีอาการสำลักเศษอาหารเข้าสู่หลอดลมอย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้สัตว์หายใจไม่สะดวกและขาดอากาศหายใจอย่างรวดเร็ว โดยก่อนทำการฝัง เจ้าหน้าที่ได้ทำการถอดเก็บงาของช้างป่าพลายยันหว่างทั้ง 2 ข้าง เก็บรักษาไว้ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอ่างฤาไน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อดำเนินการตามระเบียบต่อไปด้วย
—————————-
ขอบคุณภาพ/กลุ่มอนุรักษ์ช่วยเหลือสัตว์ป่า
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: