X

กัมพูชาส่งตัวนักธุรกิจสาวไทยถูกกักตัว กลับไทยแล้ว

สระแก้ว – ทางการกัมพูชาส่งตัวนักธุรกิจสาวไทย รับซื้อมันสำปะหลังและนำเข้ามันสำปะหลังจากฝั่งประเทศกัมพูชาเข้าไทยแล้ววันนี้ หลังไม่มีความผิด แต่เจ้าหน้าหน้าที่ไทยไม่ยอมให้เดินทางเข้าประเทศ ต้องมารออยู่ชายแดนกว่า 6 ชั่วโมง ที่หน้าด่านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ตรงข้าม อ.สำเภาลูน จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา จนต้องโทรหาผู้ว่าราชการจังหวัด ส่งปลัดจังหวัดไปรับตัว เพื่อส่งศูนย์กักตัวคนไทยที่โรงแรมสเตชั่นวัน อ.อรัญประเทศ ต่อเนื่องอีก 14 วัน

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 6 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.สุกัญญา โชติพรม อายุ 52 ปี นักธุรกิจสาวไทยที่ทำลานมันเส้น 2 แห่ง และรับซื้อมันสำปะหลังจากฝั่ง จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งถูกกักตัวอยู่ที่ศูนย์กักกันโรคโควิด-19 ฝั่ง อ.สำเภาลูน จ.พระตะบอง โดยไม่มีความผิด ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังคนขับรถบรรทุกที่เธอนั่งมาด้วยถูกจับกุมฐานนำพา พร้อมภรรยาคนไทยที่ลักลอบเข้าประเทศกัมพูชาผิดกฎหมาย และเธอร้องขอความช่วยเหลือนำตัวกลับมากักตัวฝั่งประเทศไทย เนื่องจากเป็นหญิงไทยเพียงคนเดียว ที่อยู่ร่วมกับชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับจากประเทศไทยและถูกนำมากักตัว 14 วัน จำนวนเกือบ 1,000 คน ซึ่งหลังร้องเรียนเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยและหวั่นติดเชื้อโรคจนได้รับการช่วยเหลือจากทางการกัมพูชา ให้ไปกักตัวในห้องพักที่ปลอดภัยจนครบ 14 วัน กระทั่งเมื่อช่วยสายวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ฝั่งกัมพูชาได้นำผลตรวจโควิด-19 ของสาธารณสุขกัมพูชามาแจ้งกับ น.ส.สุกัญญา ทราบ และดำเนินการทำเรื่องส่งกลับประเทศไทยทันที เนื่องจากไม่สามารถให้อยู่ในประเทศกัมพูชาต่อได้ตามกฎหมายตั้งช่วงก่อนเที่ยงวันนี้

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทางการกัมพูชาปล่อยตัวแล้ว แต่ น.ส.สุกัญญา ไม่สามารถเดินทางข้ามชายแดนผ่านสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ช่องทางด่านผ่านแดนถาวรบ้านเขาดินได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ตม.ไทย อ้างว่า เธอต้องรอถึงวันที่ 8 มี.ค.64 ตามหนังสือที่แจ้งก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน ทางการกัมพูชาก็ไม่สามารถให้ น.ส.อยู่ฝั่งกัมพูชาต่อได้ เพราะกักตัวครบ 14 วัน และเกินเวลามาถึง 4 วัน รวม 18 วัน และเธอต้องรอข้ามแดนที่ตรงข้ามฝั่งไทยนานกว่า 6 ชั่วโมงก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ น.ส.สุกัญญาจึงร้องเรียนไปที่สื่อมวลชน และนายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว แจ้งว่า เหตุใดเธอเป็นคนไทยและไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร ทำไมจึงเดินทางเข้าประเทศไทยไม่ได้

ทั้งนี้ นายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า กรณีปัญหาดังกล่าวได้สั่งการให้ นายวัลลภ ประวัติวงษ์ ปลัดจังหวัดสระแก้ว ประสานกับสาธารณสุขจังหวัดเพื่อเดินทางไปรับตัว น.ส.สุกัญญา โชติพรม ที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว แล้ว หลังจากนั้นจะต้องส่งไปกักตัวตามระเบียบที่ศูนย์กักตัวคนไทยที่โรงแรมสเตชั่นวัน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อีกจำนวน 14 วัน ซึ่งก็ได้รับทราบปัญหาที่ น.ส.สุกัญญา ร้องเรียนเข้ามาแล้ว ในฐานะที่เป็นคนไทยเธอก็สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ แต่อาจจะมีการผิดพลาดเรื่องการประสานงานเนื่องจากมีการกำหนดวันไว้ว่า จะเข้ามาในวันที่ 8 มี.ค.64 แต่ทางกัมพูชาปล่อยตัวออกมาก่อน ก็ต้องเร่งดำเนินการเข้าไปช่วยเหลือทันที

น.ส.สุกัญญา โชติพรม กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นคนไทย ไม่น่าจะต้องให้รอนานขนาดนี้ เนื่องจากกักตัวที่กัมพูชาครบ 14 วัน ซึ่งเกินมาแล้ว 4 วัน รวมแล้ว 18 วัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องอยากกลับบ้าน แต่กลายเป็นว่า เรามารอที่ชายแดนกว่า 6 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 11.00 น. ก็ยังไม่รู้ว่าจะข้ามได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ ตม.สระแก้ว อ้างอย่างเดียวว่า ยังให้เข้าไม่ได้ ต้องรอคำสั่งจาก ผกก.ตม. ส่วนทางกัมพูชาก็ต้องการให้เราออกอย่างเดียว อยู่ต่อไม่ได้แล้ว จะให้เราทำอย่างไร จึงโทรศัพท์ไปหาท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เพื่อขอให้ช่วยเหลือและได้ข้ามมายังประเทศไทย

จนกระทั่ง เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ได้มีเจ้าหน้าที่กัมพูชาพามาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยที่บริเวณกลางสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ด่านผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน โดยหลังข้ามมายังประเทศไทยแล้ว น.ส.สุกัญญา พร้อมคนขับรถบรรทุก ถูกนำตัวขึ้นรถของสาธารณสุขเพื่อส่งไปกักตัวที่โรงแรมสเตชั่นวัน อ.อรัญประเทศ อีก 14 วัน ตามกฎหมายทันที

——————————

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"