X

ชาวบ้าน จ.ปราจีนบุรี หนีโควิดหางมหอยเลี้ยงชีพ

ปราจีนบุรี – ชาวบ้าน ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี หนีโควิดไปหางมหอยขายเลี้ยงชีพ

เมื่อวันที่ 19 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่แควพระปรง ชาวบ้าน ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กลัวการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ไม่กล้าที่จะออกจากหมู่บ้าน จึงพากันออกหางมหอยในแควพระปรง มาประกอบอาหารในครัวเรือนและขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดนัด เพื่อเพิ่มรายได้เสริมในครัวเรือน เนื่องจากน้ำในแควลึกประมาณ 4 เมตร มีหาดทรายพอจะลงหางมหอยได้ ซึ่งการลงน้ำหางมหอยในแควฯที่มีน้ำลึก ชาวบ้านจะนำแกนลอนขนาด 5 ลิตร 2 ใบ แล้วใช้เชือกผูกติดกันแล้วคล้องคอลงไปในน้ำเพื่อช่วยพยุงตัวลอยน้ำได้

ทั้งนี้ สำหรับหอยที่ชาวบ้านหางมในน้ำได้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นหอยทราย หอยกาบและหอยขม โดยหอยทรายรูปร่างเหมือนหอยขม แต่จะตัวเล็กกว่าเท่านิ้วก้อย ส่วนหอยขมหรือหอยจูบ จะตัวใหญ่เท่าหัวแม่มือ หอยกาบตัวจะใหญ่เท่า 2 นิ้ว นำมาแกงใส่ใบชะพลู หน่อไม้ เป็นต้น

โดย พี่เอื้อง นามสมมุติ ชาวบ้านย่านรี กล่าวว่า ก่อนที่จะลงหาหอยในแม่น้ำลำคลองที่มีน้ำลึก ทุกครั้งชาวบ้านจะถือเคล็ดลับ ซึ่งทุกคนจะทำตามคนเฒ่าคนแก่บอกสอนไว้ ให้นำมะนาว 1 ลูก หัวไพร 1-2 ชิ้น นำมารัดติดเสื้อไว้ป้องกันสิ่งไม่ดีที่อยู่ในน้ำ คนแก่บอกว่า ในน้ำอาจมีวิญญาณร้าย นางพรายจะมาดึงมารั้งให้จมน้ำ ถ้ามีของแก้เคล็ดจะแคล้วคลาดและปลอดภัย

 

“การงมหอยนั้นจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชม.จึงจะได้หอยคนละ 4-5 กก. หรือมากกว่า หอยดังกล่าวจะอยู่ปนกับหินและทรายตามตลิ่ง จะใช้หม้อหรือตะแกรงช้อนขึ้นมาแล้วเขย่าเหมือนการร่อนทอง ให้หินและดินแยกออกจากกัน จากนั้นก็เลือกเก็บหอยใส่กะละมังหรือถุงภาชนะที่เตรียมไว้นำกลับบ้านหรือขายต่อไป จะได้ไม่ต้องออกไปนอกหมู่บ้านให้มีการติดเชื้อโควิดฯกลับมา” พี่เอื้องกล่าว

———————–
ข่าว-ภาพโดย/ลักขณา สีนายกอง

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"