สระแก้ว – เจ้าหน้าที่กองกำลังชายแดน สังกัดกองกำลังบูรพา จ.สระแก้ว สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ขณะลักลอบหลบหนีข้ามชายแดนไทย-กัมพูชา ได้จำนวน 3 จุด รวม 29 ราย โดยไม่เกรงกลัวโรคติดเชื้อโควิด-19
เมื่อวันที่ 13 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผบ.กองกำลังบูรพา ได้สั่งการให้กองกำลังป้องกันชายแดนเข้มงวดในการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รอง ผบ.กกล.บูรพา โดยเมื่อเวลา 05.00 น.วันนี้ พ.อ.เฉลิมเกียรติ ศิริสมบูรณ์ รอง ผบ.ฉก.ตาพระยา จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตาพระยา ร่วมกับ กองร้อย ฉก.ตชด.3 ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ,ชุดเคลื่อนที่เร็ว ฉก.ตาพระยา และ ตม.สระแก้ว เข้าตรวจสอบพื้นที่รับผิดชอบหลังได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีกลุ่มคนลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่ จึงได้มีการสนธิกำลังออกตรวจพื้นที่ บริเวณบ้านทัพเซียม และบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พร้อมนำกำลังเข้าซุ่มตรวจและได้ตรวจพบกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา จึงแสดงตัวจับกุมได้ที่บริเวณพิกัด 48 PTA.55373 34494 บนถนนลูกรัง อยู่ห่างจากถนนหลักหมายเลข 3085 ประมาณ 200 เมตร พื้นที่บ้านทัพเซียม ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว พบคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จำนวน 23 คน เป็นชาย 14 คน หญิง 9 คน ลักษณะสวมหน้ากากอนามัยทุกคน จึงขอตรวจสอบเอกสารการไม่พบเอกสารใด ๆ เจ้าหน้าที่จึงจับกุมและควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ กองร้อย.ฉก.ตชด.3
ทั้งนี้ จากการสอบสวน ทราบว่า ชาวกัมพูชาทั้งหมดเริ่มออกเดินเท้า โดยมีคนนำพาเป็นชาวกัมพูชาพา เดินมาตั้งแต่เวลา 17.00 ของวันที่ 12 พ.ค.64 จากบ้านแต้ ต.สวายเจ็ก อ.สวายเจ็ก จ.บันเตียนเมียนเจย เดินลัดเลาะในภูมิประเทศและหลบหลีกการตรวจการของทหารกัมพูชา และข้ามฝั่งมายังประเทศไทยบนถนนศรีเพ็ญ บริเวณช่องทางธรรมชาติ และเดินลัดเลาะมาตามถนนทางลูกรัง จนมาถึงจุดที่ถูกจับกุม พร้อมกับแจ้งว่า ต้องการจะไปทำงานที่่ต่าง ๆ ประกอบด้วย จังหวัดสมุทรปราการ 5 คน , อ.ปากช่อง นครราชสีมา 1 คน, ชลบุรี 4 คน ,กรุงเทพฯ 7 คน ,ระยอง 2 คน ,จันทบุรี 4 คน ,โดยจะมีรถมารับไปส่งที่ยังปลายทาง ซึ่งเมื่อถึงที่หมายแล้วจะจ่ายเงิน คนละ 4,500 บาท ซึ่งภายหลังนำเข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรองโควิด-19 โดยการตรวจวัดอุณหภูมิ ผลการตรวจอุณหภูมิอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทั้ง 23 คน เจ้าหน้าที่ได้นำแรงงานชาวกัมพูชาไปทำบันทึกจับกุมและประสานผลักดันออกนอกประเทศ ผ่านช่องทางจุดตรวจ ส.38 ช่องทางบ้านโอปาเจือนในช่วงบ่ายวันนี้
ต่อมา ช่วงเวลา 06.00 วันเดียวกัน พ.อ.เอกพงษ์ กฤตยาเกียรติชุติ ผบ.ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 สั่งการให้ พ.ต.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1205 จัดกำลังเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1205 ทำการตั้งด่านตรวจที่บ้านภูน้ำเกลี้ยง ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กระทั่งตรวจพบรถยนต์กระบะต้องสงสัย จำนวน 1 คัน ขับขี่มาตามถนนทางหลวงหมายเลข 3381 เส้นทาง บ.ป่าไร่-บ.ภูน้ำเกลี้ยง มุ่งหน้าไปทาง บ.โนนหมากมุ่น ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว (ขาออก) จึงขอเรียกทำการตรวจค้น พบผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ชาวไทย จำนวน 1 คน พร้อมด้วย ชาวกัมพูชา นั่งโดยสารอยู่ภายในรถกระบะ จำนวน 4 คน เป็นชาย 2 หญิง 1 และเด็ก 1 คน จึงจับกุมตัว นำมาสอบสวน ที่กองร้อยทหารพรานที่ 1205
ซึ่งจากการสอบถาม นายนิยม ไพศาล อายุ 54 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 59/1 ม.11 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคราม จ.ฉะเชิงเทรา ผู้นำพาชาวไทย ให้การว่า ได้รับชาวกัมพูชาทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายใน แร็ย อายุ 37 ปี ,นายเวียง วี อายุ 30 ปี , นาง ลี ดา อายุ 31 ปี และเด็กอีก 1 คน ซึ่งเคยเข้า-ออกไทยมา 2 ครั้ง ทางจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ มาทำงานที่ตลาดไท ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 12 พ.ค.64 เวลาประมาณ 18.00 น. ได้ไปรับเพื่อไปส่งที่ บ.โนนหมากมุ่น ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยใช้เส้นทางฉะเชิงเทรา-สระแก้ว ได้รับค่าจ้าง จำนวน 1,000 บาท/คน รวมเป็นเงิน 3,000 บาท เมื่อไปส่งถึงบริเวณ บ.โนนหมากมุ่น ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง หลังจากนั้นชาวกัมพูชาทั้งหมด จะเดินทางหลบหนีออกไปประเทศกัมพูชาทางช่องทางธรรมชาติเอง แต่มาถูกจับกุมตัวเสียก่อน เจ้าหน้าที่ กองร้อย.ทพ.1205 จึงได้นำตัวผู้ต้องหาชาวไทยชื่อ นายนิยม ไพศาล ในฐานะผู้นำพา พร้อมผู้ต้องหาชาวกัมพูชา จำนวน 4 คน และของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ ดีแม็ค สีบอร์นเงิน หมายเลขทะเบียน บม-7077 ฉะเชิงเทรา ส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ล่าสุด เจ้าหน้าที่ทหารพรานร้อย ทพ.1205 ชค.ทพ.12 สามารถจับกุมแรงงานชาวกัมพูชาได้เพิ่มเติมอีก 2 คน ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ขณะกำลังจะหลบหนีข้ามชายแดนไปยังประเทศกัมพูชา พร้อมผู้นำพาชาวไทยอีก 1 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนและทำบันทึกจับกุมของเจ้าหน้าที่ในขณะนี้ เพื่อส่งตัวให้ สภ.อรัญประเทศ ดำเนินการเพิ่มเติมตามกฎหมายต่อไป
—————————–
