สระแก้ว – เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างสระแก้วธรรมสถาน เดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว เพื่อยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ขอวัคซีนไฟเซอร์ให้คนทำงานเสี่ยงกับผู้ป่วยโควิด-19 โวยคลินิกเสริมความงามได้ฉีด แต่กู้ภัยฯทำงานเสี่ยงอยู่กับคนตายจากโควิด ไม่มีรายชื่อแม้แต่คนเดียว ส่วนที่ประชุม ศบค.จังหวัดสั่งล็อคดาวน์พื้นที่ตลาดโรงเกลือต่ออีก 14 วัน
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 23 ส.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมบูรพา ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว มีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสระแก้ว โดยมี นายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธาน เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไปปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยเฉพาะประเด็นการพิจารณาล็อคดาวน์พื้นที่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังจากพบผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์ใหญ่ที่สุดในจังหวัด มีผู้ติดเชื้อประมาณ 2,500 คน หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งล็อคดาวน์ไปแล้ว 21 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 24 ส.ค.64 ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้คงมาตรการดังกล่าวต่อไปอีก สำหรับพื้นที่ตลาดโรงเกลือเป็นเวลา 14 วัน โดยห้ามคนกัมพูชาเข้า-ออกในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อดำเนินการมาตรการตรวจหาเชื้อเชิงรุกและแยกผู้ติดเชื้อกับผู้ที่ไม่ติดเชื้อออกจากกัน โดยหากตรวจพบผู้ติดเชื้อจะถูกส่งไปรักษาที่ รพ.สนามสุขเจริญไกรศรี ตามกระบวนการ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จะลงนามและประกาศคำสั่งดังกล่าวในวันที่ 24 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ สำหรับที่บริเวณด้านหน้าห้องประชุมบูรพา ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัด ได้มีกลุ่มตัวแทนเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างสระแก้วธรรมสถาน ประมาณ 10 คน นำโดย นายสมชาย แต้ไพรบูลย์ กรรมการผู้บริหารกู้ภัยมูลนิธิสว่างสระแก้วธรรมสถาน พร้อมด้วยสมาชิกกู้ภัยฯ ได้เดินทางมารอยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เพื่อขอให้มีการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้กลุ่มเสี่ยงที่เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯด่านหน้า ซึ่งทำหน้าที่เก็บศพและเผาศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในพื้นที่ อ.เมืองสระแก้ว จำนวน 16 คน ซึ่งนายสมชาย อ้างว่า ได้เสนอชื่อมานานแล้วเกือบ 1 เดือน แต่ไม่มีวี่แววว่าจะได้ฉีด แต่กลับมีบุคคลากรบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์กลับได้ฉีด จึงต้องการยื่นรายชื่อให้ท่านผู้ว่าฯพิจารณา ซึ่งภายหลังมีการพูดคุยและยื่นรายชื่อดังกล่าวต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ได้สั่งการให้สาธารณสุขจังหวัดดำเนินการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ให้กู้ภัยฯที่เก็บศพผู้ป่วยโควิดก่อนเลย 6 โด๊ส ในวันที่ 24 ส.ค.ส่วนที่เหลืออีก 10 คน ที่ฉีดเข็มแรกซิโนแวคแล้ว ก็ให้ฉีดไขว้แอสตราเซเนก้า หรือยังไม่ได้ฉีดเลย ก็เริ่มฉีดจากซิโนแวคก่อน แล้วค่อยตามด้วยวัคซีนถัดมาตามลำดับ
นายสมชาย แต้ไพรบูลย์ กรรมการผู้บริหารกู้ภัยมูลนิธิสว่างสระแก้วธรรมสถาน เปิดเผยว่า เด็กที่เป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้กับรัฐตอนนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงมาก เราไปเผาศพที่ติดเชื้อตาย แต่เราไม่ได้รับการดูแลเรื่องวัคซีนเลย เดิมเรายื่นขอ สสจ.ไปแล้วว่า ขอ 16 โด๊ส ให้กับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในส่วนนี้ แต่เรายังไม่ได้รับคำตอบจากทาง สสจ.หรือสาธารณสุขเลย จึงมาถามอีกครั้งว่า ตกลงเราจะได้มั้ยในส่วนนี้ ทุกวันนี้เราต้องไปรับผู้ป่วย อุบัติเหตุเราต้องออกไปดูแลคนเจ็บ เราไม่รู้เลยว่า คนเจ็บแต่ละคนมาจากที่เสี่ยงมั้ย แต่เราต้องออกไป เราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงมาก มากกว่าบุคคลากรทางการแพทย์บางคนที่ทำงานในสำนักงาน คลินิกเสริมความงาม เค้าได้กันหมด แต่ทางเราไม่มีเลย จึงอยากรู้ว่า จะได้ฉีดกันเมื่อไหร่ ทำงานทุกวันนี้เสี่ยงกันทุกวัน ทุกวินาที ทุกนาที เสี่ยงกันตลอด
“น้อง ๆ ทุกคนมีความเสี่ยงมาก เพราะอยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดโควิดเลย เวลาตรวจเจอเราก็ต้องไปกักตัวอีก คนทำงานก็น้อยลงไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าทางเราได้วัคซีนดี ๆ อย่างน้อยก็เป็นขวัญกำลังใจให้กับพวกเด็ก ๆ ที่ทำงาน ได้มีแรงต่อสู้เพื่อประชาชนต่อไป จึงต้องการถามผู้หลักผู้ใหญ่ว่า ทางกู้ภัยฯมีโอกาสได้ฉีดมั้ย เราขอไปแค่ 16 โด๊ส ทั้ง ๆ ที่เรามีสมาชิกเป็นพันคน ผู้เสี่ยงต่ำเราก็จะไม่ขอ เราขอให้คนที่เสี่ยงสูง โดยเฉพาะชุดปฏิบัติการ เผาศพ นำศพผู้ติดโควิดไปเผาเสี่ยงสูง เราก็อยากให้เขาได้ของดี ๆ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจกับเค้า จึงไม่รู้ว่าเค้าเอาตรงไหนมาวัดว่า ความเสี่ยงของคลินิกเสริมความงามเสี่ยงพอ ๆ กับเรามั้ย ซึ่งเราก็มีหลักฐานที่สามารถให้ดูได้ เป็นคลินิกเสริมความงามในตัวเมืองสระแก้ว แต่พวกเราไม่มีรายชื่อเลยแม้แต่คนเดียว” กรรมการผู้บริหารกู้ภัยมูลนิธิสว่างสระแก้วธรรมสถาน ระบุ
———————–
